Microsoft Bing Image Creator หวั่นมีปัญหาลิขสิทธิ์ หลังมีเทรนด์ฮิต เจเนอเรตภาพคล้ายการ์ตูน Disney
กระแสภาพ Gen AI เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมอยากมากบนโลกโซเชียลในตอนนี้ ซึ่งหลาย ๆ คนก็ได้ใช้ Bing Image Creator จากฝั่ง Microsoft เพื่อเจเนอเรตภาพการ์ตูนลายเส้น Disney Pixar แต่หลังจากที่เทรนด์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ปรากฏว่า Microsoft ดันกลัวว่าจะเกิดปัญหาด้านลิขสิทธิ์ตามมา จนต้องปิดการใช้ Prompt คำว่า Disney เลยทีเดียว
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานโซเชียลต่างนำภาพสัตว์เลี้ยงของตัวเองไปใช้กับ Bing Image Creator เพื่อเจเนอเรตภาพโปสเตอร์หนังในสไตล์ Disney Pixar จนกลายเป็นเทรนด์โซเชียล แต่หลังจากฮิตได้ไม่นาน Microsoft ก็ได้ดับกระแสด้วยการบล็อกไม่ให้ใช้ Prompt คำว่า Disney หลังเจ้าของตัวจริงแสดงท่าทีเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
ในช่วงแรกของการแบนหากผู้ใช้งานกรอกคำว่า Disney ในการเจเนอเรตรูปภาพ หน้าเว็บไซต์ของ Bing Image Creator จะแจ้งเตือนทันทีว่า Prompt ที่ผู้ใช้งานกรอกได้ขัดต่อระเบียบการใช้งานของ Microsoft แต่อย่างไรก็ตามภายหลัง Microsoft ได้ปรับให้ใช้คีย์เวิร์ดนี้ได้อีกครั้ง แต่โลโก้ Disney บนภาพจะมีความบิดเบี้ยว และสะกดผิดไปจากเดิม
อย่างไรก็ตามในเดือนกันยายน 2023 Microsoft เคยออกมายืนยันว่าจะรับผิดชอบทางกฎหมายให้กับลูกค้าจ่ายเงินใช้บริการ Gen AI บน Word, Power Point หรือเครื่องมือการเขียนโค้ดในเชิงพาณิชย์ หากมีการร้องเรียนเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์จากเนื้อหาที่สร้างโดย AI เช่นเดียวกับ Adobe และ OpenAI ที่เคยออกมายืนยันในกรณีนี้ด้วย
- Microsoft Bing Image Creator เปิดให้ใช้งานทั่วโลกแล้ว สำหรับการสร้างรูปภาพด้วย AI อัจฉริยะตามคำสั่ง
- Microsoft จับ AI มาใส่ Windows 11 ในชื่อ Copilot ถามได้ตอบได้ ทำงานร่วมกับแอปอื่นก็ได้
- OpenAI ประกาศปลด CEO Sam Altman แบบฟ้าผ่า ล่าสุดอยู่ในระหว่างเจรจา เรียกตัวกลับมาเป็น CEO อีกครั้ง
ทั้งนี้เรื่องลิขสิทธิ์ถือว่าเป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกในวงการ AI เพราะหลาย ๆ ศิลปินทั้งนักร้อง นักแสดง หรือนักวาด ต่างออกร้องว่าบริษัท Tech ได้ใช้ผลงานของตัวเองในการเทรนด์ AI
และ arstechnica สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยัง Microsoft ซึ่งทางบริษัทก็ตอบมาว่า ศิลปิน, เซเลบริตี้ หรือองค์กรต่าง ๆ สามารถแจ้งเรื่องให้ตัวระบบ Bing Image Creator ปิดกั้นการเจเนอเรตภาพที่เกี่ยวข้องกับตัวบริษัท หรือแบรนด์ได้
ที่มา: arstechnica