REVIEW | รีวิว Mibro Watch GS Pro และ Mibro Watch T2 สมาร์ทวอทช์ราคาต่ำกว่า 4 พัน ฟีเจอร์ครบครัน เริ่มต้น 2,990 บาท 

รีวิวสมาร์ทวอทช์ 2 รุ่น 2 สไตล์ เลือกอันที่ใช่สำหรับการใช้งานได้เลย ถ้าใครเป็นสายลุย สายผจญภัย ขอแนะนำ Mibro Watch GS Pro เลย มาพร้อมดีไซน์เท่ดุดัน ส่วนถ้าต้องการใช้งานในชีวิตประจำวันเบา ๆ สวย ๆ ต้อง Mibro Watch T2 เลย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,990 บาท

Mibro Watch GS Pro

ดีไซน์เท่ เอาใจสายลุย

มาที่รุ่นนี้กันก่อน Mibro Watch GS Pro เหมาะกับสายลุย สายเดินป่ามา ดีไซน์ทรงสปอร์ตที่มาพร้อมความเท่ ดุดัน และความท้าทาย ขอบตัวเรือนทำมาจาก Stainless Steel 316L ที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน ทนต่อการกัดกร่อนและไม่เป็นสนิมง่าย 

มีปุ่มกด 2 ปุ่มอยู่ด้านขวาของตัวเรือน ปุ่มบนสีดำจะเป็นปุ่มสำหรับกดดูเมนูหลัก ส่วนปุ่มล่างสีแดงจะเป็นปุ่มทางลัดสำหรับเลือกโหมดออกกำลังกาย 

ส่วนสิ่งที่ให้มาในกล่องของ Mibro Watch GS Pro ได้แก่ สมาร์ทวอทช์, สายนาฬิกาแบบผ้า (Active Loop), สายชาร์จ และคู่มือการใช้งาน

หน้าปัดทรงกลมใหญ่เต็มตา

รุ่นนี้จะมีหน้าปัดเป็นทรงกลม หน้าจอใช้เป็น AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด  466 x 466p คมชัด ใหญ่เต็มตาแบบไม่ต้องเพ่ง อัตรารีเฟรชเรท 60Hz ปัดได้ลื่นไหล มี Always On Display ดูเวลาง่าย พร้อมรูปแบบให้เลือกหลากหลาย โดยสามารถเข้าไปเลือกได้ผ่านแอป Mibro Fit เลย ใช้งานได้ทั้งบนอุปกรณ์ Android และ iOS เลยนะ

นอกจากนี้ยังมี Auto Light Sensor ที่สามารถปรับแสงสว่างของหน้าจอได้อัตโนมัติ ซึ่งจะใช้งานได้สะดวกกว่ารุ่นก่อน ๆ ด้วย 

กันน้ำ 5ATM

ขึ้นชื่อว่าเป็นนาฬิกาสายลุยฟีเจอร์กันน้ำก็ต้องมาด้วยแล้วแหละ ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นนี้กันน้ำได้ลึกในระดับ 5ATM หรือ 50 เมตรเลย ก็คือใส่อาบน้ำ ออกไปวิ่งแล้วฝนตกเป็นละอองน้ำ, ไปเที่ยวเมืองหิมะตก, ไปว่ายน้ำ, ดำน้ำตื้น (สน็อกเกิ้ล) ตลอดจนดำน้ำลึก 50 เมตร ได้

ตรวจจับสุขภาพอย่างแม่นยำ

Mibro Watch GS Pro มี 9-Axis หรือ เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว 9 แกน พร้อมทั้งอัปเกรด 4PD วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และออกซิเจนในเลือดแบบใหม่ที่แม่นยำมากขึ้น ตลอดจนตรวจวัดการนอนหลับที่เข้มข้น

แบตเตอรี่ 460mAh ใช้งานนาน 60 วัน

รุ่นนี้ได้ให้แบตเตอรี่มาอยู่ที่ 460mAh ที่สามารถใช้งานในโหมด Standby ได้นาน 60 วัน และใน Daily Mofe ได้นาน 20 วัน ซึ่งในการทดลองใช้งานแบบเปิดการตรวจจับสุขภาพแบบรายชั่วโมง เปิดเพลงฟังบ้าง และเปิด Always On Display ไว้ ในเวลา 24 ชั่วโมง แบตเตอรี่จาก 100% ลดเหลือ 88% ใช้ไปเพียง 12% เท่านั้น และใช้งานยาวนานต่อเนื่องราว 50 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดเหลือ 76% ใช้ไปทั้งหมด 24% เฉลี่ยวันละ 12%

โหมดเข็มทิศ 

อีกข้อแตกต่างของรุ่นนี้เลยก็คือ Mibro Watch GS Pro เค้ามีเข็มทิศมาให้ เป็นฟีเจอร์ที่เอาใจนักท่องเที่ยว นักเดินป่าเลยก็ว่าได้ เวลาไปเที่ยวไหนรับรองว่าไม่มีหลงทิศแน่นอนจ้า 

สเปค Mibro Watch GS Pro 

  • หน้าจอ : AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว รีเฟรชเรท 60Hz 
  • ความละเอียด : 466 x 466p 
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3 
  • วัสดุ : Stainless Steel 316L (PA+GF) 
  • แบตเตอรี่ : 460mAh  
  • ขนาด : ตัวเรือน : 46.5 x 46.5 x 11.8 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : รวมสาย 58.22 กรัม 

ข้อดี 

  • หน้าปัดใหญ่ ใช้งานลื่น 
  • ปุ่มลัด 2 ปุ่มใช้งานสะดวก 
  • -กันน้ำลึกสุด 50 เมตร 
  • แบตเตอรี่ใช้งานนาน 
  • ฟังก์ชันครบ 
  • รับสายผ่านนาฬิกาได้ 
  • วัสดุมีความทนทาน

ข้อสังเกต 

  • เวลาเข้าใช้งานนาฬิกา ต้องกดปุ่ม ใช้นิ้วแตะสัมผัสไม่ได้
  • แอป Mibro fit เวอร์ชันภาษาไทยยังแปลงง ๆ อยู่ 
  • สายนาฬิกาถอดยากนิดหน่อย ยังไม่เป็นแบบ One Click เหมือนรุ่นอื่น ๆ  
  • รู้สึกหนักไปนิด ใส่นอนแล้วรู้สึกหน่วงที่แขน 

Mibro Watch T2

ดีไซน์หรูหรา เข้ากับเสื้อผ้าทุกลุค 

Mibro Watch T2 รุ่นนี้จะมาในดีไซน์ที่มีความหรูหรา พรีเมี่ยม สามารถแมทช์ได้กับเสื้อผ้าทุกชุดเป็น Everyday Look ลงตัวทุกไลฟสไตล์ ตัวเรือนมีความเพียวบาง พื้นผิวสัมผัสแบบเรียบลื่น กรอบตัวเรือนแบบ Cutting Edge บนโลหะคุณภาพสูง ด้านข้างจะมีเม็ดมะยมวัสดุสแตนเลสเอาไว้หมุนปรับการใช้งาน 

ในหน้าการใช้งานหลัก หากหมุนเม็ดมะยมขึ้นลงไปมาจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัด และหากกดลงไปจะเป็นทางลัดเมนู พร้อมมีหน้าที่เป็นปุ่ม Back ด้วย

ส่วนสิ่งที่ให้มาในกล่องของ Mibro Watch T2 ได้แก่ สมาร์ทวอทช์, สายนาฬิกาแบบซิลิโคนเอาไว้เปลี่ยนใช้ออกกำลังกาย, สายชาร์จ และคู่มือการใช้งาน 

หน้าปัดทรงเหลี่ยม พรีเมี่ยมทุกมุมมอง

ในรุ่นนี้จะใช้หน้าปัดทรงสี่เหลี่ยม หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.75 นิ้ว ความละเอียด 390 x 450p ซึ่งจะมีขนาดที่ใหญ่และเต็มตาเหมือนกัน  อัตรารีเฟรชเรท 60Hz ปัดได้ลื่นไหลไม่มีกระตุก มี Always On Display ดูเวลาได้ตลอดเวลา ไม่ต้องมาคอยกดเปิดหน้าจอ และตัวเลือกหน้าปัดหลากหลายสไตล์ที่มีให้เลือกเยอะมากเช่นกัน

กันน้ำ 2ATM 

สำหรับ Mibro Watch T2 จะมีมาตรฐานการกันน้ำที่น้อยลงมาอยู่ที่ 2ATM ประมาณ 20 เมตรจะโดนน้ำสาด หรือว่ายน้ำสระก็ไหว แต่ไม่แนะนำให้ใช้ดำน้ำทะเลลึก ๆ นะคะ ซึ่งเรียกว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างไร้กังวลเลย 

นอกจากสวย แล้วยังตรวจจับสุขภาพอย่างแม่นยำด้วย 

Mibro Watch T2 มี 6-Axis หรือ เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว 6 แกน พร้อมทั้งอัปเกรด 4PD วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และออกซิเจนในเลือดแบบใหม่ที่แม่นยำมากขึ้น ตลอดจนตรวจวัดการนอนหลับที่เข้มข้นเช่นเดียวกันกับ Watch GS Pro เลย

แบตเตอรี่ 300mAh ใช้งานได้สูงสุด 45 วัน

รุ่นนี้จะให้แบตเตอรี่มาน้อยกว่าอยู่ที่ 300mAh สามารถใช้งานใน Basic Mode ได้นานสุด 45 วัน และใช้งานใน Daily Mode ได้นานสูงสุด 10 วัน ซึ่งได้ทำการทดสอบความอึดของแบตเตอรี่ด้วยการเปิดการตรวจจับสุขภาพแบบรายชั่วโมง ใช้เปิดวัดค่าต่าง ๆ ตอนออกกำลังกายบ้าง และเปิด Always On Display ไว้ ในเวลา 24 ชั่วโมง แบตเตอรี่จาก 100% ลดเหลือ 84% ใช้ไปเพียง 16% เท่านั้น และใช้งานยาวนานต่อเนื่องราว 50 ชั่วโมงเช่นกัน พบว่าแบตเตอรี่ลดเหลือ 63% ใช้ไปทั้งหมด 37% เฉลี่ยวันละ 16 -18%

สเปค Mibro Watch T2

  • หน้าจอ :  AMOLED ขนำด 1.75 นิ้ว 
  • ความละเอียด : 390 x 450p 
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3 
  • วัสดุ : Metal + Plastic Cement 
  • แบตเตอรี่ : 300mAh  
  • ขนาด : ตัวเรือน :  36.67 x 50.95 x 11.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก :  รวมสาย 54.13 กรัม 

ข้อดี

  • หน้าปัดใหญ่ ใช้งานลื่น 
  • ปุ่มลัดแบบเม็ดมะยม ใช้งานหลากหลาย 
  • กันน้ำลึกสุด 20 เมตร 
  • แบตเตอรี่ใช้งานนาน 
  • ฟังก์ชันครบ 
  • รับสายผ่านนาฬิกาได้
  • ดีไซน์สวย ใส่แมทช์กับเสื้อผ้าง่าย 
  • น้ำหนักเบา ใส่สบาย

ข้อสังเกต 

  • เวลาเข้าใช้งานนาฬิกา ต้องกดปุ่ม ใช้นิ้วแตะสัมผัสไม่ได้
  • แอป Mibro fit เวอร์ชันภาษาไทยยังแปลงง ๆ อยู่ 
  • สายนาฬิกาถอดยากนิดหน่อย ยังไม่เป็นแบบ One Click เหมือนรุ่นอื่น ๆ

ฟีเจอร์การใช้งานอื่น ๆ ที่เหมือนกัน

โหมดกีฬา 105 โหมด

สายออกกำลังกายถูกใจสิ่งนี้ เพราะว่าทั้งคู่มีโหมดออกกำลังกายให้เลือกเยอะถึง 105 โหมด มาแบบครบ ๆ ทั้งวิ่ง, ว่ายน้ำ, ปีนเขา,ปั่นจักรยานกลางแจ้ง, แอโรบิก ฯลฯ อย่างการออกกำลังกายยอดฮิตของหลาย ๆ คนแบบพวกเดินหรือวิ่งก็มี  GPS ถึง 5 เครือข่ายทำให้ติดตามเส้นทางได้แม่นยำและเสถียรมากขึ้น  หลังจากที่ทดลองเดินออกกำลังกาย แอปก็จะแสดงผลว่าเราเดินจากไหนถึงจุดไหนบ้างแบบนี้เลย 

อีกทั้งข้อมูลก็ยังแสดงข้อมูลมาให้ว่า เบิร์นไปกี่แคลแล้ว, ค่าเฉลี่ยความเร็วของการเดิน, อัตราการเต้นของหัวใจ, เดินขึ้น – ลงพื้นที่ความสูงกี่เมตร, จำนวนก้าวต่อนาที เป็นต้น 

ฟังก์ชันสำหรับนักเดินป่า 

ทั้งรุ่น Mibro Watch GT เหมาะสำหรับการลุย ผจญภัย และ Mibro Watch T2 ที่เหมาะกับสายหรู ลูกคุณหนู ก็ได้มาพร้อม เซนเซอร์ตรวจวัด Altitude (ค่าความสูงเหนือระดับน้ำทะเล) ซึ่งจะตรวจวัดว่าตอนนี้ืที่เราอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลอยู่ที่เราไหร่ ซึ่งในโหมดเดียวกันนี้ก็มีฟีเจอร์ Barometer (ค่าความดันอากาศ) มาให้ด้วย ซึ่งจะมีหน่วยเป็น hPa (อ่านว่าเฮกโตปาสกาล) ค่ะ

รองรับ Bluetooth Calling 

ตอบโจทย์คนที่ทำกิจกรรมอยู่แล้วมือไม่ว่างจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มารับสาย แค่ใส่สมาร์ทวอทช์ก็ทำได้ ไม่ว่าจะ รับสาย, วางสาย หรือปฏิเสธสาย เพียงใช้นิ้วจิ้มผ่านหน้าปัดได้ทันที หลังจากรับสายก็สามารถพูดคุยผ่านตัวนาฬิกาได้เลย ลำโพงเสียงดังฟังชัด ไมค์โครโฟนก็รับเสียงได้ดี จากที่ทดสอบปลายสายก็ได้ยินชัดเจน 

หรือจะใช้สมาร์ทวอทช์กดเบอร์เพื่อโทรออกก็ได้ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ผู้ติดต่อเอาไว้ให้เราบันทึกเบอร์ที่โทรออกบ่อย ๆ ไว้ให้ด้วย ซึ่งในการใช้งานต้องเข้ามาบันทึกเบอร์ที่แอป Mibro Fit ก่อน สามารถบันทึกได้สูงสุด 20 รายเลย และตั้งค่าเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน SOS ได้ 1 รายค่ะ จากการทดลองใช้แอปในมือถือเพื่อโทรหา พบว่า เมื่อมีคนโทรจาก Facebook Messenger นาฬิกาจะไม่แจ้งเตือนเลย แต่จะมาแจ้งเตือนอีกทีคือเป็นข้อความว่าไม่ได้รับสาย, ส่วน Line เงียบสนิทเหมือนกัน คล้ายกับ Facebook และสุดท้ายลองใช้ Telegram พบว่ามีหน้าปัดแสดงข้อมูลว่ามีสายเข้า แต่ไม่มีช่องให้กดรับ 

ชิปเซ็ต Dual-Core 2 in 1 พร้อมฝังชิป GPU

ทั้งคู่ได้ใช้ชิปเซ็ต Dual-Core 2 in 1 พร้อมฝังชิป GPU ที่ทำให้การใช้งานลื่นไหล และใช้ Bluetooth 5.3 มาพร้อมฟังก์ชันตรวจจับสุขภาพที่น่าสนใจ อีกทั้งยังอัปเกรด GPS ถึง 5 เครือข่าย ทำให้การติดตามเมื่อเราใส่สมาร์ทวอทช์มีความรวดเร็ว, แม่นยำ และเสถียรมากขึ้น เทียบเท่าบนสมาร์ทโฟนเลย (GPS / BDS / GLONASS / GalileoGPS / QZSS)

การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ 

ซึ่งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจก็จะบอกข้อมูลทั้งแบบอัตราการเต้นครั้งล่าสุดที่วัด และค่าเฉลี่ยของอัตราการเต้นของหัวใจ โดยตัวนาฬิกาจะตรวจจับอยู่ตลอดและสามารถเลื่อนกราฟเพื่อดูการเต้นของหัวใจแบบละเอียด ๆ ได้เลย 

ซึ่งในการวัดอัตราการเต้นหัวใจสามารถเข้าไปเลือกปรับว่าต้องการวัดแบบไหนได้ตามที่ต้องการ ที่อุปกรณ์ > การตรวจสุขภาพ > การวัดอัตราการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่อง

การวัดออกซิเจนในเลือด

แอปจะบอกข้อมูลการวัดออกซิเจนในเลือดที่คล้าย ๆ กับข้อมูลของการวัดอัตราการเต้นของหัวใจเลย คือจะมีค่าเฉลี่ยของระดับออกซิเจนในเลือด และค่าออกซิเจนในเลือดล่าสุดที่เราวัดได้ พร้อมทั้งสามารถเลื่อนดูข้อมูลจากกราฟแบบละเอียดเป็นรายชั่วโมงได้ด้วย

การตรวจวัดการนอนหลับ 

สำหรับการตรวจวัดการนอนหลับ ก็จะแสดงผลออกมาว่าหลับไปแล้วกี่ชั่วโมง มีงีบประปรายมั้ย สามารถตรวจวัดได้ทั้ง หลับลึก, หลับตื้น , REM, การเคลื่อนไหวดวงตาไปมาอย่างรวดเร็ว และสะดุ้งตื่น พร้อมทั้งสรุปกับค่าอ้างอิงแล้วเฉลี่ยออกมาว่าการนอนของเราในแต่ละพาร์ทเป็นอย่างไรบ้าง 

ตรวจวัดความเหนื่อยล้า

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทำให้เรารู้ร่างกายตัวเองว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ตัวสมาร์ทวอทช์จะตรวจวัดว่าในแต่ละช่วงใน 1 วันของเรามีค่าระดับของเหนื่อยล้าอยู่ที่เท่าไหร่ในแบบชั่วโมงต่อชั่วโมง ส่วนข้อมูลที่แสดงก็จะมีทั้งค่าเฉลี่ยโดยรวม หรือครั้งที่วัดล่าสุด พร้อมสรุปเป็นเปอร์เซ็นต์ของแต่ละพาร์ทให้

การวัดความเครียด 

ในการวัดความเครียดจะอยู่ในโหมด Pressure ซึ่งในภาษาไทยจะแปลว่าความดัน แต่ว่าไม่ใช่การวัดค่าความดันจริง ๆ ระวังสับสนนิดนึงนะ โดยในโหมดนี้จะเก็บข้อมูลว่าในแต่ละชั่วโมงเรา Relax เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่เท่าไหร่ Range อยู่ในระดับไหน และแต่ละพาร์ทนับเป็นกี่เปอร์เซ็นต์เหมือนโหมดอื่น ๆ เลย 

โหมดสำหรับสุขภาพผู้หญิง 

อีกหนึ่งโหมดที่จะเป็นตัวช่วยสำหรับสาว ๆ ให้เช็คความผิดปกติของระยะเวลาการมีรอบเดือนได้ หลังจากที่เราระบุวันที่มีประจำเดือนครั้งล่าสุดและข้อมูลอื่น ๆ ตัวแอปก็จะมีการคำนวนและคาดการณ์ให้เสร็จ วงกลมสีแดงจะเป็นวันนั้นของเดือน, สีเขียวจะเป็นวันที่ตกไข่, สีชมพูอ่อนจะเป็นการคาดการณ์รอบเดือนเดือนถัดไป และสีม่วงเป็นวันที่เราจดบันทึกลงไปในแอปว่าวันนั้นมีอาการอะไรยังไง

การแจ้งเตือนสุขภาพ 

นอกจากการตรวจจับด้านสุขภาพหลัก ๆ แล้วนั้น ยังมีการแจ้งเตือนสุขภาพอื่น ๆ อีกด้วย ทั้งการเตือนให้ดื่มน้ำ, เตือนให้พักสายตามองไปที่ไกล ๆ, เตือนให้เคลื่นไหวบ้าง, เตือนว่าต้องเดินางแล้ว, เตือนให้กินยา และเตือนให้อ่านหนังสือ ซึ่งการเตือนดังกล่าวสามารถเลือกวันและเวลาตามที่ต้องการได้เลย ซึ่งฟังก์ชันนี้เข้าไปปรับได้ที่ การตรวจสุขภาพได้เลย

ใช้งานเป็นรีโมทถ่ายรูป 

ทั้งสองรุ่นสามารถใช้งานเป็นรีโมทสำหรับถ่ายรูปได้ แต่ว่าต้องเข้าไปกดที่แอป Mibro Fit นะ โดยเข้าไปที่ อุปกรณ์ > ถ่ายภาพ ซึ่งตัวกล้องจะเป็นซอฟท์แวร์ของแอปเอง ไม่สามารถปรับความละเอียด หรือเปลี่ยนโหมดกล้องได้ จะเลือกได้เพียงปรับกล้องหน้ากล้องหลังเท่านั้น ผู้ใช้งานก็ตั้งกล้องตามมุมที่ต้องการและกดชัตเตอร์ผ่านสมาร์ทวอทช์ได้เลย หรือจะตั้งเวลาก็ได้นะ 

อื่น ๆ 

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ มาให้เลือกใช้แบบครบ ๆ ทั้ง ดูพยากรณ์อากาศ, เครื่องคิดเลข, ค้นหาโทรศัพท์,ดูปฏิทิน, จับเวลา, นาฬิกาปลุก, อัดเสียง, ตลอดจนมีเกมให้เล่นด้วย 

สรุปการใช้งาน 

ทั้ง Mibro Watch GS Pro และ Mibro Watch T2 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มาในดีไซน์คนละสไตล์ และจุดเด่นที่แตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งคาเรคเตอร์ที่ชัดเจนก็ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากขึ้น ส่วนฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ มีความสูสีกัน แต่ฟีเจอร์ที่ให้มาทั้งหมดก็คือครบครันเลยแหละ แทบจะใช้งานแทนมือถือเครื่องนึงได้เลย และที่ชอบที่สุดก็คือกดโทรเข้าออกได้นี่แหละที่ทำให้ชีวิตตอนห่างกับมือถือเป็นเรื่องง่าย

ราคาจำหน่าย 

Mibro Watch T2 ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,490 บาท พิเศษ! ราคาเปิดตัวลดเหลือเพียง 2,990 บาท พร้อมส่วนลดพิเศษ 500 และรับฟรี สายนาฬิกาสำรองพร้อมฟิล์มกันรอย 

ส่วน Mibro Watch GS Pro ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,990 บาท พิเศษ! ราคาเปิดตัวลดเหลือเพียง 3,490 บาท พร้อมส่วนลดพิเศษ 500 และรับฟรี สายนาฬิกาสำรองพร้อมฟิล์มกันรอยเช่นเดียวกัน 

ระยะเวลาโปรโมชั่น : วันนี้ – 31 ธ.ค. 2566 

You may have missed

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า