REVIEW | รีวิวเทียบชัด ๆ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Dreame Bot L20 Ultra และ Roborock S8 Pro Ultra ในงบ 3x,xxx บาท ใครคุ้มกว่ากัน

หากใครอยากได้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเจ๋ง ๆ ฟีเจอร์จัดเต็มในงบประมาณ 3x,xxx กลาง ๆ ตอนนี้ในท้องตลาดบ้านเรามีอยู่ 2 รุ่นเด่น ๆ อย่าง Roborock S8 Pro Ultra ที่เราเคยรีวิวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดฝั่ง Dreame เขาก็ได้เปิดตัวอีกหนึ่งรุ่นใหม่แบบสด ๆ ร้อน ๆ ในไทยอย่าง Dreame Bot L20 Ultra ที่มาพร้อมกับราคาที่ห่างกันเพียง 2,000 บาท ในราคาที่ใกล้กันแบบนี้ เจ้าไหนจะให้ฟีเจอร์ที่เยอะ และจัดเต็มกว่ากัน เราจะมาเทียบกันแบบชัด ๆ ไปเลย

เปรียบเทียบภาพรวมดีไซน์ฐานชาร์จ

ตัวสถานีชาร์จของ Dreame Bot L20 Ultra จะมาในดีไซน์ที่สูงกว่า Roborock  พอสมควร เพราะภายในบรรจุถังน้ำที่ขนาดใหญ่กว่า และมีการนำถุงเก็บฝุ่นอัตโนมัติมาไว้ที่ตรงกลางของตัวฐานมีฝาปิดมิดชิด ส่วนดีไซน์ภายนอกนั้นจะมีการเล่น Texture เป็นคลื่นดูหรูหรา พร้อมตัดด้วยเส้นสีทองดูลงตัว เรียกได้ว่าสวยกลมกลืนเหมือนเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านเลย

Roborock S8 Pro Ultra มาในฐานชาร์จที่มีขนาดเล็กลงมานิดหน่อย ตามขนาดถังน้ำที่เล็กลงมาพอสมควร มาในดีไซน์สีดำล้วนที่ดูลงตัวไปแพ้กัน ด้านบนฐานชาร์จจะไม่มีฝาปิดใด ๆ ทำให้สามารถดึงถังน้ำออกมาได้สะดวก แต่ส่วนของช่องที่บรรจุถุงเก็บฝุ่นจะมีฝาปิดให้อย่างดี หากจะเปรียบเทียบกันในด้านดีไซน์นั้นส่วนตัวคิดว่าทั้งสองรุ่นทำได้สวยพอ ๆ กันแบบไม่มีใครยอมใครเลย

เปรียบเทียบสถานีชาร์จ รุ่นไหนฟีเจอร์เยอะกว่า ?

เปรียบเทียบถังน้ำ และระบบเติมน้ำ ระบายน้ำต่าง ๆ

ในเมื่อเปรียบเทียบในด้านดีไซน์ไม่ได้ ให้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ช่วยเป็นตัวตัดสินดีกว่า ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมฟีเจอร์ที่เหมือนกันอย่างระบบถังน้ำในตัว เติมน้ำให้หุ่นยนต์ได้ ถ่ายน้ำเสียเข้าถังได้เหมือนกัน แต่ด้วยความที่ Dreame Bot L20 Ultra มากับขนาดถังเก็บน้ำที่ใหญ่กว่ามาก ๆ ทำให้เราไม่ต้องคอยเติมน้ำ ถ่ายน้ำออกเองบ่อย ๆ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบเติมน้ำยาถูพื้นอัตโนมัติเพื่อช่วยเสริมให้การทำความสะอาด  สะอาดมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่า Roborock S8 Pro Ultra จะมาในถังน้ำที่ขนาดเล็กกว่า Dreame แต่ถังน้ำของ Roborock ถือว่าทำดีไซน์ออกมาได้ดี เพราะตัวถังมาพร้อมหูหิ้วที่แยกออกมาจากฝาถังน้ำโดยตรง ทำให้ดึงออกมาเติมน้ำ หรือทิ้งน้ำได้สะดวก แถมเวลาที่เราเผลอปิดถังน้ำไม่สนิท อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเวลาฝาจะไม่เปิดออกมาเองจนน้ำสาดกระจายเลอะเทอะ

นอกจากนี้หากใครที่ไม่อยากให้มือเปื้อน เสียเวลาเติมน้ำ และทิ้งน้ำเองบ่อย ๆ Dreame Bot L20 Ultra ยังมีตัวเครื่องที่ขายพร้อมชุด Kit ระบบต่อท่อน้ำสะอาด และท่อระบายน้ำเสียในตัวโดยอัตโนมัติ ให้เลือกซื้อกันเพิ่มเติม เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนที่ต้องการความสะดวกสบายแบบสุด ๆ แทบไม่ต้องลงมือทำความสะอาดเองเลย

ระบบเก็บฝุ่นอัตโนมัติ

Roborock S8 Pro Ultra มาพร้อมระบบเก็บฝุ่นอัตโนมัติที่ติดตั้งมาพร้อมกับถุงเก็บฝุ่นขนาด 2.5 ลิตร ที่รองรับการเก็นฝุ่นได้ราว ๆ 7 สัปดาห์ สามารถดึงออกไปทิ้งได้เองง่าย ๆ มีถุงขายเพิ่มในกรณีที่ใช้ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องหมด  Dreame Bot L20 Ultra ก็มาพร้อมกับระบบเก็บฝุ่นอัตโนมัติด้วยเช่นกัน และจะให้ถุงมาในขนาดที่ใหญ่กว่าที่ 3.2 ลิตร โดยทางแบรนด์ได้เคลมว่าสามารถเก็บได้นานถึง 10 สัปดาห์ และทนทานมาก ๆ 

ซ้าย Roborock / ขวา Dreame

ราคาของถุงเปลี่ยนแน่นอนว่าในเมื่อ Roborock S8 Pro Ultra มาในไซส์ที่เล็กกว่าทำให้ราคาถุงเก็บฝุ่นถูกกว่า อ้างอิงจากเว็บไซต์ Roborock ชุดถุงเก็บฝุ่น 3 ชิ้นวางจำหน่ายอยู่ที่ 349 บาท ซึ่งเมื่อหารต่อชิ้นแล้วจะอยู่ที่ 116.3 บาท ซึ่งยังถือว่าเป็นราคาที่พอรับได้หากต้องเปลี่ยนทุก ๆ 1 – 2 เดือน

ส่วน Dreame Bot L20 Ultra นั้นจากที่ได้ลองสำรวจดูพบกว่าทางแบรนด์ยังไม่มีถุงขนาด 3.2 ลิตรขาย แต่ก็มีถุงของรุ่น L10s / L10 Ulra ที่ใช้แทนกันได้ (อิงจากของมูลในคำอธิบายสินค้าบน Shopee) แต่จะมาในขนาดที่เล็กลงมานิดหน่อยเป็น 3 ลิตร และสำหรับแพ็ก 3 ชิ้นจะมีราคาอยู่ที่ 499 บาท หารต่อชิ้นแล้วจะอยู่ที่ 166.33 บาท ซึ่งหากต้องเปลี่ยนในระยะ 6 – 8 สัปดาห์หรือราว ๆ 1 – 2 เดือนตามที่แบรนด์เคลม ถือว่าราคาจะสูงกว่ากันนิดหน่อย

ระบบซักม็อบ

ทั้ง Roborock S8 Pro Ultra และ Dreame Bot L20 Ultra มาพร้อมระบบถูพื้นที่ตัวม็อบสามารถทำความสะอาด และเป่าแห้งได้เองอัตโนมัติไม่ต้องเปลืองแรงเหมือนกัน แต่ระบบการซักผ้าถูอัตโนมัติของ Roborock S8 Pro Ultra เพราะที่ฐานซักล้างมีขนแปรงคอยช่วยขัดผ้าม็อบอีกแรงเหมือนเวลาเราซักผ้าด้วยมือจริง ๆ ทำให้มั่นใจได้ว่าผ้าม็อบจะสะอาดจริง ๆ

ส่วนฝั่งของ Dreame Bot L20 Ultra ก็มาพร้อมกับระบบซักผ้าถูอัตโนมัติเช่นกัน โดยจะใช้เป็นระบบกดผ้าถูบนฐานซักที่นูนออกมา เพิ่มการขัดถูทำความสะอาดผ้าม็อบให้ดียิ่งขึ้น แถมยังมาพร้อมกับระบบเป่าลมร้อนแบบท่อลมคู่ที่ใช้เวลาในการเป่าผ้าถูให้แห้งเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น

แต่เท่าที่ลองจับเวลาในฝั่งของ  Roborock S8 Pro Ultra ที่ 2 ชั่วโมง ผ้าที่ผ่านการเป่าลมจากท่อลมเดี่ยวก็แห้งสนิทเหมือนกัน ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามถ้าต้องการความสะอาดจริง ๆ ผ้าม็อบของทั้งสองรุ่นมาในลักษณะแบบตีนตุ๊กแก สามารถถอดออกไปซักมือได้ด้วยตนเอง และนำไปผึ่งแดดได้นะ

ระบบทำความสะอาดแท่นชาร์จ

สองรุ่นที่เรานำมาเปรียบเทียบกันจะมีระบบล้างฐานชาร์จในตัวแบบอัตโนมัติ แต่แน่นอนว่าเมื่อผ่านการซักล้างไปสักพัก ก็เป็นเรื่องปกติที่สถานีชาร์จของเราอาจมีคราบสกปรกจากน้ำเสียที่ตกค้างอยู่บนฐานซักล้าง ซึ่งเมื่อผ่านการซักล้างซ้ำ ๆ ก็อาจจะทำให้ผ้าที่ควรสะอาด กลายเป็นไม่สะอาดเลย 

Dreame Bot L20 Ultra ก็มาพร้อมฐานซักล้างที่มาในลักษณะแบบถาด สามารถถอดฐานออกไปขัดล้างเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสะอาดให้กับทุกซอกทุกมุมได้สะดวก ส่วน Roborock S8 Pro Ultra ไม่มีฟีเจอร์ตรงนี้ ทำให้เวลาฐานซักล้างสกปรกอาจต้องก้มลงมาเช็ดล้าง ทำความสะอาดที่ตัวฐานอย่างเดียว แถมยังยากที่จะทำความสะอาดให้ทั่วถึงในซอกเล็ก ๆ ด้วย

เทียบฟีเจอร์หุ่นยนต์ ตัวไหนเจ๋งกว่ากัน?

เปรียบเทียบแรงดูด 7,000 Pa กับ 6,000 Pa

ถ้าพูดถึงแรงดูดยังไง Dreame Bot L20 Ultra ก็ได้เปรียบกว่า เพราะในรุ่นนี้มาพร้อมกับแรงดูดที่สูงที่สุดในวงการถึง 7,000Pa และเมื่อทดสอบที่แรงดูดสูงสุดระดับ Max+ แรงดูดระดับนี้สามารถดูดฝุ่นตามซอกยาแนวกระเบื้องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จะฝุ่นชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ก็ดูดได้ครบรับรองว่าสะอาดแน่นอน

ส่วน Roborock S8 Pro Ultra นั้นถึงแม้ว่าจะมีแรงดูดน้อยกว่ากันที่ 6,000Pa หากใช้งานทั่วไปประสิทธิภาพการดูดฝุ่นทั่วไปก็ยังถือว่าตามหลัง Dreame อยู่พอสมควร แต่พวกซอกยาแนวกระเบื้องอาจจะมีดูดไม่ขึ้นบ้างถึงแม้จะเปิดใช้งานในโหมด Max+ ดังนั้นแนะนำว่าหากจะสั่งทำความสะอาดให้เลือกให้ตัวโรบอตทำงานสัก 2 รอบดีกว่า

ระบบการถู

Roborock S8 Pro Ultra มาพร้อมผ้าม็อบเดี่ยวที่ใช้ระบบ VibreRiser 2.0 ใช้แรงกด และสั่นสะเทือน ส่วน  Dreame Bot L20 Ultra มาพร้อมระบบผ้าม็อบคู่แบบหมุน ซึ่งหากจะให้เปรียบเทียบในจุดนี้ ต้องบอกว่าทั้งสองรุ่น ทำความสะอาดได้ดีไม่แพ้กัน แต่ดีกันคนละแบบ

โดยผ้าม็อบของ Roborock S8 Pro Ultra  จะใช้แรงสั่นสะเทือนจะจำลองการทำงานที่คล้าย ๆ กับเวลาเราขัดพื้นจริง ๆ ทำให้ทำความสะอาดตามซอกลึก ๆ ได้ดีพอสมควร

ส่วนผ้าม็อบหมุนแบบคู่ของ Dreame Bot L20 Ultra จะใช้ทั้งแรงกดที่จำลองจากแรงกดเหมือนเวลาเราถูบ้านด้วยไม้ถูพื้น และด้วยผ้าม็อบแบบคู่ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้เปรียบได้เรื่องของขนาดที่สามารถขัดพื้นได้ในระยะที่กว้างกว่า รวมถึงตัวผ้ายังสัมผัสกับพื้นมากกว่า ทำให้ทำความสะอาดพื้นที่กว้าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วย

ระบบขยายม็อบชิดขอบกำแพง

ปกติแล้วหุ่นยนต์ดูฝุ่นในท้องตลาดมักจะมาพร้อมจุดบอดที่ไม่สามารถถูพื้นหรือเก็บฝุ่นตามมุมห้อง หรือริมกำแพงได้สะอาดเท่าที่ควร ซึ่งอาจทำให้เราต้องมาย้อนเก็บงานกันอีกที ซึ่งในจุดนี้ Dreame Bot L20 Ultra ถือว่าได้เปรียบมาก เพราะตัวม็อบคู่ในรุ่นนี้สามารถยื่นออกมาจากตัวโรบอตโดยอัตโนมัติเพื่อถูพื้นตามมุมกำแพงได้ถึง 2 มม. เป็นรุ่นแรกของโลก เรียกได้ว่าแก้ปัญหาจุดด้อยเรื่องทำความสะอาดในซอกลึก ๆ ไม่ถึงได้แบบหมดจด ถึงแม้จะมีฝุ่นอยู่ใกล้ ๆ ผนังก็ไม่ต้องกลัว 

แต่น่าเสียดายที่ Roborock S8 Pro Ultra ถึงแม้ว่าจะมากับผ้าม็อบระบบสั่นสะเทือนที่เก็บคราบต่าง ๆ ได้ละเอียดกว่าก็จริง แต่ด้วยความที่ส่วนของม็อบถูพื้นดันติดไปกับตัวฐานของโรบอตเลย ทำให้ไม่สามารถยื่นออกมาถูพื้นตามมุมต่าง ๆ ของห้องได้เท่าที่ควร

ระบบยกผ้าม็อบหลบพรม

บ้านใครที่มีพรมเยอะ ๆ แต่กลัวว่าพรมจะเปียกจากผ้าม็อบถูพื้น หรือในระหว่างที่ดูดฝุ่นอย่างเดียวก็กลัวว่าจะไปสัมผัสโดนสิ่งสกปรกเมื่อขึ้นลงพื้นที่ต่างระดับ ทั้ง Dreame Bot L20 Ultra และ Roborock S8 Pro Ultra มาพร้อมกับระบบยกผ้าม็อบอัตโนมัติเหมือนกัน

แต่ฝั่งของ Dreame จะล้ำกว่าตรงที่สามารถยกได้ถึง 10.5 มม. ซึ่งสูงกว่า Roborock ถึง 3 เท่า แถมทางแบรนด์ยังเคลมไว้ว่ายกได้สูงที่สุดในวงการเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อเจอพรมขนฟู ๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าผ้าม็อบจะลากจนพรมเปียกอีกต่อไป

ระบบถอดม็อบบนแท่นชาร์จ

เมื่อไม่ได้ใช้งานโหมดถูพื้น และไม่อยากให้ผ้าม็อบสกปรกจากฝุ่น หรือสิ่งต่าง ๆ ในบ้าน Dreame Bot L20 Ultra ก็มาพร้อมกับข้อดีอีกหนึ่งอย่าง เพราะตัวม็อบคู่ที่ใส่มาในหุ่นยนต์รุ่นนี้สามารถถอดม็อบได้ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติได้เมื่อไม่ต้องการใช้งาน ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่เจ๋งมาก ๆ 

น่าเสียดายที่ Roborock รุ่นที่เรานำมาเปรียบเทียบไม่มีฟีเจอร์นี้ เพราะเป็นในรุ่นนี้ใช้เป็นผ้าผืนใหญ่ และมากับระบบถูพื้นที่ติดไปกับตัวหุ่นยนต์เลย  หากต้องการที่จะถอดผ้าออกต้องคอยยกหุ่นยนต์ และดึงผ้าออกจากตัวหุ่นยนต์ด้วยตัวเองเท่านั้น 

ฟีเจอร์ AI รุ่นไหนเก่งกว่ากัน?

ระบบการหลีกเลี่ยง และระบุสิ่งกีดขวาง และการมองเห็นในที่มืด

เรื่องระบบ AI ระบุตำแหน่ง และหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวาง รวมถึงการมองเห็นในที่มืด ทั้งสองรุ่นเรียกได้ว่าทำได้ดีไม่แพ้กันเลย เพราะสามารถระบุได้ทั้งรองเท้า สายเคเบิล สายปลั๊กพ่วงต่าง ๆ ในบ้านได้เป็นอย่างดี ทั้งในที่สว่าง และในพื้นที่แสงน้อย และเท่าที่ได้ลองทดสอบยังไม่เจอปัญหาวิ่งชนขาเก้าอี้ หรือชนกำแพงแรง ๆ ด้วย

แต่ Dreame Bot L20 Ultra มีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือ ไฟส่องสว่างอัตโนมัติที่เมื่ออยู่ในที่แสงสลัว ๆ หรือเมื่อเข้าไปถูใต้โซฟามืด ๆ ไฟบนตัวของโรบอตก็จะติดขึ้นมาทันที แถมยังมาพร้อมกับกล้องในตัว ช่วยทำให้ตรวจจับสิ่งกีดขวางได้แม่นยำกว่ารุ่นอื่น ๆ แถมเมื่อเจอวัตถุกีดขวางแล้วจะเก็บภาพหลักฐานให้เราดูโดยอัตโนมัติด้วย

ระบบตรวจจับคราบหนัก พร้อมกลับมาทำความสะอาดซ้ำ

ฟีเจอร์นี้ถือว่าเป็นอีก 1 ฟีเจอร์ที่ Dreame Bot L20 Ultra ทำได้ดีกว่าอีกรุ่นมาก ๆ  เพราะตัวโรบอตสามารถตรวจจับได้อัตโนมัติว่าพื้นที่ไหนที่ตัวเองยังทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ ตัวโรบอตก็จะส่งแจ้งเตือนมาในมือถือ พร้อมกลับไปเติมน้ำที่สถานี และกลับออกมาทำความสะอาดใหม่อีกรอบให้ทันที 

นอกจากนี้ Dreame Bot L20 Ultra ยังสามารถตัวจับความสกปรกของผ้าม็อบได้อัตโนมัติด้วย ถ้าโรบอตพบว่าตัวม็อบสกปรกเกินไป ก็จะวิ่งมาซักผ้าอีกรอบ เรียกได้ว่าฉลาดเหมือนทำความสะอาดด้วยตัวเองเลยทีเดียว

แต่ Roborock S8 Ultra ที่ไม่มีฟีเจอร์นี้ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเราสามารถตั้งค่าจำนวนรอบการทำความสะอาดในแต่ละพื้นที่ได้บนแอปเลย ถ้ากลัวว่าจะไม่สะอาดก็ตั้งไปเลย 3 รอบรับรองได้ว่าสะอาดจนพื้นเงาแน่นอน แต่ถ้าอยากทำรอบเดียวจบยังไงก็ต้อง Dreame Bot L20 Ultra เท่านั้น

ระบบควบคุมด้วยเสียงผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะ

ทั้ง Roborock S8 Pro Ultra และ Dreame Bot L20 Ultra รองรับการสั่งการผ่านเสียงทั้งสองรุ่น สามารถเข้าแอปเพื่อเชื่อมต่อกับผู้ช่วยอัจฉริยะทั้ง Siri, Google Assistant และ Alexa ได้เลย แต่สำหรับใครที่อยากนำไปใช้งานร่วมกับระบบบ้านอัจฉริยะอย่าง Google Home ตรงนี้จะรองรับเฉพาะใน Roborock ส่วน Dreame ไม่มีให้เลือกจ้า

ระบบควบคุมภาพระยะไกล

สำหรับใครที่อยากได้กิมมิคสนุก ๆ สามารถควบคุมหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้เหมือนรถบังคับ รวมถึงมีกล้อง และไมโครโฟนให้สื่อสารไว้คุยกับคนในบ้าน หรือสัตว์เลี้ยงผ่านตัวหุ่นยนต์ Dreame Bot L20 Ultra ถือว่าตอบโจทย์ เพราะเมื่อเชื่อมต่อกับแอปเราสามารถเข้าถึงกล้องของตัวเครื่องเพื่อดูหุ่นยนต์ในระหว่างการทำความสะอาด หรือบังคับทิศทาง และใช้ไมโครโฟนได้ด้วย ถือเป็นฟีเจอร์สนุก ๆ ที่มีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้นนะ

สรุปเปรียบเทียบ Dreame Bot L20 Ultra และ Roborock S8 Pro Ultra

Dreame Bot L20 Ultra

สำหรับใครที่ต้องการหุ่นยนต์ที่มีฟีเจอร์จัดเต็มที่สุด AI ฉลาด ใช้การได้ดี มาพร้อมดีไซน์สวย ๆ ส่วนตัวคิดว่า  Dreame Bot L20 Ultra น่าจะเป็นตัวที่ตอบโจทย์สุด ๆ แล้ว เพราะจากที่ได้ลองใช้งานมาก็ยังไม่พบจุดบกพร่องใด ๆ ที่ทำให้การใช้งานติดขัดเลย 

การทำความสะอาดตามซอกกำแพงต่าง ๆ ก็ทำได้ดีกว่าเพราะมาพร้อมกับระบบขยายผ้าม็อบซึ่งเป็นรุ่นแรกของโลกที่ทำได้ แถมยังมาพร้อมกับระบบ AI ที่สามารถตรวจจับพื้นที่สกปรกหนัก ๆ แล้วกลับมาทำความสะอาดซ้ำ ๆ ได้ แถมยังมาพร้อมกับแรงดูดที่สูงมาก ๆ ด้วย เรียกได้ว่าในราคาเท่านี้ แทบจะหารุ่นที่มีฟีเจอร์เยอะเท่านี้ไม่ได้แล้ว

แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องข้อจำกัดนั้น อาจจะเป็นเรื่องของราคาค่าตัว และค่าถุงเก็บฝุ่นที่ค่อนข้างสูง และอีกอย่างที่พบก็คือ ตัวจุดรวมเซนเซอร์สแกนพื้นที่ที่อยู่ด้านบนนั้นค่อนข้างสูงนิดหน่อย ในบางครั้งอาจทำให้ไม่สามารถเข้าไปทำความสะอาดใต้เฟอร์นิเจอร์ได้ แต่โดยรวมแล้วตัวนี้ถือว่าเป็นตัวจบจริง ๆ

Roborock S8 Pro Ultra

หากใครที่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณที่เบาลงมานิดหน่อย Roborock S8 Pro Ultra ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมตามราคาค่าตัว อีกทั้งอุปกรณ์อย่างถุงเก็บฝุ่นมีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าด้วย ส่วนเรื่องฟีเจอร์นั้นก็ยังให้แบบครบครัน ไม่ตัดฟีเจอร์ที่จำเป็นออกไป แถมแรงดูด 6,000Pa ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานทำความสะอาดทั่วไป

ส่วนข้อจำกัดของรุ่นนี้น่าจะอยู่ที่เรื่องของถังน้ำที่มีขนาดเล็กทำให้ต้องคอยเติมบ่อย ๆ รวมถึงตัวฐานซักล้างเองก็ไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ รวมถึงผ้าม็อบเองที่ออกแบบมาให้ยากต่อการเข้าทำความสะอาดในมุมอับต่าง ๆ ทำให้เราอาจจะต้องกลับมาเก็บงานอีกรอบ แต่โดยรวมแล้ว Roborock S8 Pro Ultra ก็ยังถือว่าเป็นรุ่นที่ใช้งานได้ดี มีฟีเจอร์ที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว

ตารางเทียบฟีเจอร์ Dreame Bot L20 Ultra และ Roborock S8 Pro Ultra 

Dreame Bot L20 Ultra Roborock S8 Pro Ultra
แรงดูด 7,000Pa 6,000Pa
แปรงปัดฝุ่น แปรงปัดหลักแบบลูกกลิ้ง 1 ชิ้น แปรงปัดหลักยางคู่
ระบบยกแปรงปัดฝุ่นอัตโนมัติ รองรับ
รูปแบบผ้าม็อบ ผ้าม็อบหมุนคู่
ใช้แรงดันกด
ผ้าม็อบเดี่ยว
ใช้แรงสั่นสะเทือน
ระบบถอดม็อบในแท่นชาร์จอัตโนมัติ รองรับ ไม่รองรับ
ระบบยกม็อบหลบพรมอัตโนมัติ 10.5 มม. 5 มม.
ระบบขยายม็อบชิดขอบกำแพง 2 มม. ไม่รองรับ
ช่องใส่น้ำยาถูพื้น เติมอัตโนมัติ รองรับ ไม่รองรับ
ถังเก็บน้ำสะอาด น้ำเสีย ถังน้ำสะอาด: 4.5 ลิตร
ถังน้ำเสีย: 4 ลิตร
ถังน้ำสะอาด: 3.5 ลิตร
ถังน้ำเสีย: 2.9 ลิตร
ระบบต่อท่อน้ำสะอาด และท่อระบายน้ำเสียในตัว สามารถซื้อชุด Kit ต่อท่อตรงได้ ไม่รองรับ
ระบบเติมน้ำให้กับหุ่นยนต์อัตโนมัติ รองรับ
ระบบเก็บฝุ่นอัตโนมัติ รองรับ
ขนาดถุงเก็บฝุ่น 3.2 ลิตร
รองรับ
ขนาดถุงเก็บฝุ่น 2.5 ลิตร
ระบบซักผ้าม็อบอัตโนมัติ รองรับ
ระบบอบผ้าม็อบแห้ง รองรับ
ระบบช่องลมคู่
รองรับ
ระบบช่องลมเดี่ยว
ระบบล้างแท่นชาร์จ รองรับ
สามารถถอดฐานล้างทำความสะอาดเพิ่มได้
รองรับ
ถอดฐานล้างทำความสะอาดไม่ได้
ระบบหลีกสิ่งกีดขวางด้วย AI รองรับ
ระบบถูซ้ำบริเวณที่คราบหนัก รองรับ ไม่รองรับ
ระบบควบคุมภาพระยะไกล รองรับ ไม่รองรับ
ระบบควบคุมด้วยเสียงผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะ รองรับ
ราคา 36,990 บาท
พร้อมชุด Kit ระบายน้ำ : 41,990 บาท
34,999 บาท

Dreame Bot L20 Ultra ราคาเท่าไหร่ ซื้อได้ที่ไหน?

Dreame Bot L20 Ultra สามารถหาซื้อผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายของ Dreame ประเทศไทย และสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Shopee, Lazada, Tiktok, Nocnoc ส่วนราคาวางจำหน่าย มีดังนี้

  • Dreame Bot L20 Ultra รุ่นมาตรฐาน 36,990 บาท
  • Dreame Bot L20 Ultra + Kit  ต่อสายจ่ายน้ำ และท่อน้ำทิ้งโดยตรง  43,990 บาท

ช่องทางการสั่งซื้อ

Roborock S8 Pro Ultra ราคาเท่าไหร่ ซื้อได้ที่ไหน?

สำหรับใครที่สนใจ Roborock S8 Pro Ultra สามารถเข้าไปซื้อได้ที่ Roborock Official Store ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Roborock บน Lazada ในราคา 34,999 บาท 

You may have missed

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า