REVIEW | รีวิว Samsung Galaxy A14 4G / Galaxy A14 5G สองพี่น้องราคาคุ้ม ใช้งานได้ครบ เริ่มต้นเพียง 5,999 บาท

Samsung Galaxy A14 4G และ Samsung Galaxy A14 5G ในรอบนี้มาพร้อมสเปคแบบ Minor Change ได้รับการอัปเกรดนิดหน่อยจาก Galaxy A13 Series แต่ต้องบอกเลยว่าดีไซน์ของทั้งสองรุ่นถือว่าเป็นทีเด็ดเลยทีเดียว เพราะดีไซน์ออกมาได้สวยหรูราวกับ Galaxy S23 Series รุ่นท็อปเลยก็ว่าได้ เรามาดูกันดีกว่าว่าประสบการณ์การใช้งานของทั้ง 2 รุ่น จะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

สเปค Galaxy A14 4G / Galaxy A14 5G

สเปค Galaxy A14 LTE

Samsung Galaxy A14 4G White

Galaxy A14 5G

Samsung Galaxy A14 5G Black

หน้าจอแสดงผล PLS LCD
ขนาด 6.6 นิ้ว
ความละเอียด 2408 x 1080 FHD+
รีเฟรชเรท 60Hz 90Hz
CPU Exynos 850 Dimensity 700
RAM 4GB
ความจุ 128GB
กล้องหลัง – กล้องหลักความละเอียด 50MP (f.18)
– กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
– กล้อง Ultrawide 5MP (f/2.2)
– กล้องหลักความละเอียด 50MP (f/1.8) + กันสั่น EIS
– กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
– กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4)
กล้องหน้า 13MP (f/2.0)
โหมดกลางคืน ไม่มี มี
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ข้างตัวเครื่อง
การเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi 5 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1, NFC
5G, Wi-Fi 5 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.2, NFC
ลำโพง ลำโพงเดี่ยว
แบตเตอรี่ 5,000 mAh
ชาร์จไว 15W
ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย One UI Core 5
ขนาด / น้ำหนัก 167.7 x 78 x 9.1 มม. / 201 กรัม 167.7 x 78 x 9.1 มม. / 205 กรัม
ราคา 5,999 บาท 6,999 บาท

ดีไซน์สวยไม่แพ้ Galaxy S23 Series

สิ่งที่เป็นจุดเด่นในรุ่นนี้คือการออกแบบที่ทำได้เกินราคามาก ๆ เพราะได้ยกดีไซน์ระดับตัวท็อปไว้ในเครื่องรุ่นเล็ก ฝาหลังมีความกึ่งเงากึ่งด้าน มุมต่าง ๆ เหลี่ยมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้จับถนัดมือกว่าในรุ่นเดิม แต่ขอบจอก็แอบหนาเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ

A14 LTE Texture
A14 5G Texture

ซ้าย: รุ่น 4G / ขวา: รุ่น 5G

และถึงแม้ว่าทั้งรุ่น 4G และ 5G จะใช้ดีไซน์แบบเดียวกัน แต่ก็ได้สร้างความแตกต่างที่ด้านหลังโดยในรุ่น Galaxy A14 LTE จะมาพร้อมลายผิวสัมผัสแบบเส้นตรง ส่วน Galaxy A14 5G จะมีผิวสัมผัสเป็นแบบก้นหอย และด้วยความที่พื้นผิวมีสัมผัสเป็นลวดลายต่าง ๆ ทำให้สามารถซ่อนพวกลายนิ้วมือได้ค่อนข้างดี แต่ต้องบอกว่าในรุ่น 5G ถ้าเกิดเป็นคนมือเหงื่อออกเยอะจะเช็ดคราบต่าง ๆ ออกได้ยากนิดนึง ออกต้องแรงในการเช็ดเล็กน้อย


ต้องบอกว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้เคสร่วมกันได้แน่นอน เพราะเหมือนกันในทุกจุดแบบ 1 ต่อ 1 ทั้งขนาดตัวเครื่อง และขนาดจอแสดงผล ด้านซ้ายมีช่องใส่ซิมแบบ 2 ซิมการ์ด มีช่องสำหรับใส่ microSD Card เพิ่มความจุต่างหากด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม / ลดเสียง และปุ่ม Power ที่ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ด้วย


ส่วนด้านบนมีเพียงไมค์โครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างมีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟนสนทนาหลัก, พอร์ต USB Type-C 2.0 และลำโพงเดี่ยวที่เสียงดังใช้ได้แต่คุณภาพเสียงอาจจะขาดรายละเอียดไปบ้าง มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากชื่นชมทั้ง 2 รุ่นคือเรื่องระบบสั่นที่ทำได้นุ่ม และมีมิติ จำแนกความหนักเบาในการสั่นได้ดีมาก ๆ


ซ้าย: รุ่น 4G / ขวา: รุ่น 5G

หน้าจอสีสด คมชัดระดับ FHD+

จอแสดงผล 6.6 นิ้วของทั้งสองรุ่นเป็นส่วนที่ประทับใจมาก ๆ เพราะได้มีการยกระดับความคมชัดให้เทียบเท่ากันบนความละเอียด Full HD+ เป็นที่เรียบร้อย และทั้งสองรุ่นใช้พาเนลแบบ PLS LCD ที่ให้สีสวยสด คมชัดมาก ดูคอนเทนต์ได้เต็มตา ส่วนเรื่องความสว่างต้องบอกว่าอยู่ในระดับใช้ได้ ถ้าเจอแดดจัด ๆ อาจต้องเพ่งกันบ้าง

ซ้าย: รุ่น 4G / ขวา: รุ่น 5G

อีกหนึ่งจุดแตกต่างของรุ่นนี้คือเรื่องของอัตรารีเฟรชเรทที่รุ่น 5G ทำได้ดีกว่านิดหน่อย เพราะรองรับรีเฟรชเรทที่ 90Hz ส่วนในรุ่น 4G รองรับเพียงแค่ 60Hz เท่านั้น นอกจากนี้เมื่อรับชมคลิปบน YouTube พบว่าในรุ่น 5G สามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดถึง 1440p@60fps แต่ส่วนรุ่น 4G รองรับแค่ 1080p@60fps

กล้องหลัง 50MP ดีแค่ไหน?

Samsung Galaxy A14 LTE และ 5G มาพร้อมกล้องหลัก 50MP และกล้อง 2MP Macro ชุดเดียวกัน ส่วนจุดที่แตกต่างอยู่ที่เลนส์ที่ 3 โดยในรุ่น 4G ให้กล้องมุมกว้าง Ultrawide 5MP ส่วนในรุ่น 5G จะเป็นกล้อง Depth 2MP แต่ถึงแม้ทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมกับเซนเซอร์หลักความละเอียดเท่ากัน แต่รายละเอียด และสีสันภาพถ่ายกลับต่างกัน ซึ่งหลัก ๆ อาจจะเป็นเพราะประสิทธิภาพชิปที่ต่างกันก็เป็นได้

A14 4G Back Cam
A14 5G Back Cam

โหมดหลัง ซ้าย: รุ่น 4G / ขวา: รุ่น 5G

และด้วยความที่ชิปประมวลผลของรุ่น 5G ค่อนข้างทรงพลังกว่า ทำให้ได้โหมดถ่ายภาพที่หลากหลายกว่ามาก ๆ มีทั้งโหมดถ่ายภาพกลางคืนที่ใช้ได้ทั้งกล้องหน้า กล้องหลัง, โหมดวิดีโอแบบสโลวโมชั่น รวมถึงยังใช้งาน AR Zone ได้อีกด้วย


โหมดกล้อง ซ้าย: รุ่น 4G / ขวา: รุ่น 5G

เช่นเดียวกันกับกล้องหน้าของทั้ง 2 รุ่น เพราะในรุ่น 5G สามารถดึงสีสันและรายละเอียดได้ออกมาได้ดีกว่า และสีโทนเหลืองจะค่อนข้างเด่น ในขณะที่รุ่น 4G จะออกโทนชมพู และสีจะซีด เป็นธรรมชาติกว่านิดหน่อย แต่จะได้เปรียบตรงที่โหมด Portrait ที่ตัดขอบได้ดูดีกว่า


ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า ซ้าย: รุ่น 4G / ขวา: รุ่น 5G

นอกจากนี้ Galaxy A14 4G ยังขาดฟีเจอร์สำคัญสำหรับงานวิดีโออย่างระบบกันสั่น EIS ซึ่งข้อนี้ทำให้ Galaxy A14 5G ได้เปรียบรุ่นน้องแบบเต็ม ๆ เพราะงานวิดีโอของรุ่น 5G เรียกได้ว่านิ่ง และดูดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด สำหรับใครที่ต้องใช้มือถือถ่ายวิดีโอบ่อย ๆ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Galaxy A14 4G









ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัก



ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Ultrawide



ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Macro



ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า



ตัวอย่างภาพถ่ายกลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Galaxy A14 5G









ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัก



ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Macro



ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า



ตัวอย่างภาพโหมดกลางคืน

ประสิทธิภาพ

Samsung Galaxy A14 LTE


ในรุ่น 4G จะมาพร้อมกับชิประดับเริ่มต้นอย่าง Exynos 850 ประกบคู่มากับ RAM 4GB และ ROM 128GB ที่ถือว่าค่อนข้างเยอะสำหรับมือถือระดับเริ่มต้น รองรับการใช้งานระดับทั่วไปได้ดี ส่วนการเล่นเกมหนัก ๆ  ก็ถือว่าพอเล่นได้ ROV ปรับกราฟฟิกสูงเล่นสบาย เฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 fps


ส่วน PUBG Mobile ถ้าปรับกราฟิกเป็น HD มีกระตุกจนเวียนหัวอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าปรับกราฟิกเป็น Smooth พร้อมโหมดเฟรมเรทแบบ Ultra จะเล่นได้ลื่นไหลกว่า แต่น่าเสียดายที่ในรุ่นเริ่มต้นนี้ไม่มีเซนเซอร์ Gyroscope ให้ใช้งาน

Samsung Galaxy A14 5G




รุ่น 5G  จะมาพร้อมกับชิป Dimensity 700 ซึ่งถึงแม้ว่าจะเริ่มเก่าแล้วแต่ก็ยังเก๋าพอสมควรในราคาระดับนี้ รองรับทั้งงานหนัก งานเบา เล่นเกมได้ครบ ๆ แทบทุกเกม อย่าง ROV ที่ปรับกราฟิกระดับสูงแต่เฟรมเรทก็ไม่มีแกว่ง เช่นเดียวกับ PUBG ที่ปรับกราฟิกระดับ HD ได้แบบลื่น ๆ เลย

แบตเตอรี่ 5,000 mAh อึดแต่ไหน?


แบตเตอรี่ของทั้ง 2 รุ่นเรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งาน 1 วันเต็ม ๆ โดยเราได้ทดสอบด้วยการเปิดยูทูปที่ความละเอียดเต็มที่ที่สุดเท่าที่เครื่องรองรับ ( 5G: 1440p@60Fps / 4G: 1080p@60Fps) โดยปรับแสงจอ และเสียงลำโพงไว้ที่ 50% ติดต่อกันประมาณ 3 ชั่วโมง

หลังจากนั้นก็ใช้ทดสอบกล้อง ทดสอบการเล่นเกมนิด ๆ หน่อย ๆ ปรากฏว่าแบตเตอรี่ของทั้งสองรุ่นลดลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันในระยะเวลาสแตนด์บาย 19 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือเป็นระดับที่ค่อนข้างน่าพึงพอใจเลย แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ชาร์จได้ช้าไปหน่อย รองรับเพียง 15W เท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ได้ทันใจหลาย ๆ คนสักเท่าไหร่

สรุป

Galaxy A14 LTE

ข้อดี

  • จอสวย สีสด คมชัดสูง
  • มีกล้อง Ultrawide มาให้
  • ถ่ายภาพในที่แสงน้อยพอใช้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มี Night Mode
  • การออกแบบดูหรูหรา ฝาหลังพรางรอยนิ้วมือ
  • ฟีลลิ่งการสั่นดีมาก ๆ เหมือนมือถือราคาแพง
  • ความจุเริ่มต้นเยอะ ในราคาเท่าเดิม
  • แบตเตอรี่เยอะ ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน

ข้อสังเกต

  • ขอบจอหนา รีเฟรชเรทเพียง 60Hz
  • กล้องสีค่อนข้างจืด อาจจะต้องแต่งเพิ่ม
  • ไม่มีโหมดถ่ายกลางคืน
  • วิดีโอไม่มีกันสั่น EIS
  • โหมดกล้องค่อนข้างน้อย
  • ลำโพงค่อนข้างแห้ง
  • ชิปเริ่มมีอายุแล้ว ไม่รองรับการชมคลิปความละเอียดสูง ๆ

Galaxy A14 5G

ข้อดี

  • จอสวย รีเฟรชเรทลื่นไหล
  • กล้องหลังสีสันดี มีกันสั่น OIS
  • รองรับ Night Mode โหมดกล้องเพียบ
  • ฝาหลังสวย ดูมีราคา
  • ชิปแรงกว่า เล่นเกมได้ครบ ๆ
  • ทำระบบสั่นได้ดีมาก
  • แบตเตอรี่เยอะ ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน

ข้อสังเกต

  • ฝาหลังเช็ดรอยนิ้วมือออกยาก
  • ไม่มีกล้อง Ultrawide
  • กล้องโหมด Pro ตั้งค่าได้แค่ ISO, EV, WB
  • ลำโพงค่อนข้างแห้ง
  • RAM ค่อนข้างจำกัด
  • ชิปเริ่มมีอายุแล้ว

Samsung Galaxy A14 ทั้งสองรุ่นวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยรุ่น LTE (4G) มีราคาอยู่ที่ 5,999 บาท ส่วนรุ่น 5G มีราคาอยู่ที่ 6,999 บาท ใครที่สนใจมือถือดีไซน์ดูดีในราคาที่จับต้องได้ ได้รับการการันตีอัปเดต Android ยาว ๆ 2 ปีก็สามารถไปหาซื้อได้ที่ Samsung Experience Store และตัวแทนจำหน่ายทั้งในออนไลน์ และหน้าร้านทั่วประเทศนะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า