iPhone 15 ใช้พอร์ต USB – C ดีอย่างไร มีอะไรเปลี่ยนไป เชื่อมต่ออุปกรณ์อะไรได้บ้าง

หลังจากที่ Apple ได้เปลี่ยนพอร์ตชาร์จจาก Lightning มาเป็น USB – C ก็ได้ทำเอาแฟน ๆ ตื้นเต้นเป็นไม่น้อย และหลาย ๆ คนก็คงอยากจะรู้ว่า เปลี่ยนพอร์ตชาร์จมาแล้วนั้น จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งทาง Apple เองก็ได้มีการอธิบายใน Support เกี่ยวกับพอร์จชาร์จใหม่นี้ด้วย

USB – C ชาร์จและเชื่อมต่อ iPhone 15

แน่นอนว่าพอร์ต USB – C ได้รับการยอมรับในระดับสากลในความสามารถด้านการชาร์จ, การซิงก์ข้อมูล, การใช้เป็นพอร์ตสำหรับต่อหูฟัง ซึ่ง USB – C ดังกล่าวนี้สามารถให้ผู้ใช้งานสามารถชาร์จและเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ทั้ง MAC, iPAD, AirPods Pro (รุ่นที่ 2), อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก และ จอภาพ

ความสามารถในการชาร์จ iPhone

ตัวสายสามารถใช้งานได้ตามปกติเลย ก็คือเสียบสายและเชื่อมต่อคู่กับมือถือเพื่อชาร์จ ถ้าผู้ใช้งานมีหัวชาร์จ (Adapter) USB – C 20W ชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที หรือกำลังไฟที่สูงกว่า เช่น หัวชาร์จที่มาพร้อมกับ Mac Laptop ก็สามารถใช้งานสายชาร์จนั้นได้เลย ก็จะชาร์จได้ไวขึ้น หรือจะชาร์จด้วยด้วยการเสียบสายผ่านคอมพิวเตอร์ก็ได้

ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่น ๆ

สามารถใช้สาย USB – C เชื่อมต่อระหว่าง iPhone กับ iPad, Mac และคอมพิวเตอร์ เพื่อถ่ายโอนข้อมูลอย่าง ภาพถ่ายและวิดีโอ พร้อมทั้งชาร์จแบตไปในตัวได้ด้วย ซึ่ง iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max รองรับ USB 3.2 Gen 2 ความเร็วสูงสุด 10Gbite/วินาที ขณะที่ใช้สาย USB 3

iPhone 15 เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อะไรได้บ้าง

อย่างที่บอกไว้ว่าผู้ใช้งานสามารถใช้ iPhone เป็นตัวชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่นได้กับอุปกรณ์เล็ก ๆ อย่าง AirPods, Apple Watch ที่รองรับกำลังไฟ 4.5 วัตต์ และยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่สามารถใช้คู่กับสายนี้ได้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • หากต้องการชาร์จอุปกรณ์ที่มีขั้วต่อ Lightning สามารถใช้งานเชื่อมต่อ USB – C แบบปลายสายเป็นหัว Lightning ได้
  • ในการชาร์จ Apple Watch สามารถเชื่อมต่อหัวชาร์จแบบแม่เหล็กของตัวนาฬิกาต่อกับหัว USB – C ได้เลย
  • การเชื่อมต่อกับ Airpods และใช้ iPhone เป็นลำโพงได้ หรือสามารถใช้ USB – C ต่อกับหูฟังอื่น ๆ อย่างพวก EarPods ก็ได้
  • การเชื่อมต่อกับลำโพง ผู้ใช้งานสามารถเล่นเพลงผ่านการเสียบสาย USB – C ไปยังลำโพง หรือหูฟัง สามารถใช้ได้ทั้งต่อสาย USB – C ไปยัง Adapter หูฟังขนาด 3.5 มม. หรือ ไปยัง Lightning Adapter ก็ได้
  • เชื่อมต่อจอทีวีขนาดใหญ่ได้ แต่…กรณีเชื่อมต่อ iPhone 15 กับทีวีที่ไม่มีพอร์ต USB-C ต้องซื้อเป็นอะแดปเตอร์ Digital AV แทน ในราคา 2,290 บาท
  • เชื่อมต่อมอนิเตอร์ความละเอียด 4K และ 60Hz ซึ่ง ทาง Apple แนะนำว่า ให้ซื้อสาย Thunderbolt 4 Pro ในราคาเริ่มต้น 2,490 บาทเพื่อเชื่อมต่อ เนื่องจากโปรโตคอล DisplayPort สำหรับมอนิเตอร์ความละเอียดสูง ต้องเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C แบบ USB 3.1 หรือสูงกว่า แต่สาย USB-C ที่ Apple แถมมาในกล่องทั้งในรุ่น iPhone 15 และ iPhone 15 Pro เป็นแบบ USB 2.0 ทั้งคู่ ทำให้ไม่รองรับการใช้งานดังกล่าว และนอกจากนี้ยังปรับการแสดงผลจอระหว่าง SDR กับ HDR ได้ด้วย
  • เชื่อมต่อ HDMI หรือ TV ผ่านการใช้สายแบบ USB- C ที่มีหัวเป็น HDMI โดยจะรองรับ HDMI 2.0 ซึ่งจะสามารถแสดงผลวิดีโอแบบ 4K รีเฟรชเรท 60Hz หรือผ่านการใช้ USB-C Digital AV Multiport ซึ่งนอกจากจะรองรับภาพแบบ 4K แล้ว ยังรองรับไปถึงเนื้อหา HDR10 หรือ Dolby Vision ตามที่ทีวีกำหนด
  • การเชื่อมต่อ CarPlay compatible
  • การเชื่อมต่อ External storage devices
  • การเชื่อมต่อ Microphones
  • ใช้ชาร์จแบตสำรอง
  • SD cards using SD card adapter
  • USB to Ethernet adapter
  • ถ่ายวิดีโอ ProRes ลงบนตัวจัดเก็บข้อมูลภายนอกได้โดยตรง เปลี่ยนไดรฟ์ได้อย่างรวดเร็วและปล่อยให้กล้อง iPhone ถ่ายทำต่อไปได้

จากทั้งหมดทั้งหมดที่เราได้สรุปมาให้จากทาง Apple นี้ ก็พอจะเห็นแล้วว่าการที่ iPhone 15 เปลี่ยนมาใช้พอร์ตชาร์จแบบ USB – C ก็มีประโยชน์มากมาย ทั้งการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ความสะดวก ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล เป็นต้น

ที่มา : Apple

You may have missed

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า