เปิดตัว vivo X Fold2 ภาคต่อจอพับสุดเทพ ใช้ชิป SD8 Gen 2 ชาร์จแรง 120W เริ่มต้นราว 44,900 บาท

vivo X Fold2 กลับมาในดีไซน์ที่เรียบหรูกว่าเดิม ด้านหลังใช้วัสดุหนังเทียม ตัดกับกระจกลายหินหยกเรียบหรู ดูพรีเมียมแบบตะโกน (สีดำจะเป็นลายทาง) ตัวกล้องหลังได้ตัดฐานโมดูลสี่เหลี่ยมออกไป เหลือเพียงโมดูลวงแหวนขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังได้เปลี่ยนกลไกการพับใหม่แบบหยดน้ำ ใช้วัสดุทนทานขึ้น จึงทำให้น้ำหนักตัวเครื่องเบากว่าเดิม 10% เหลือเพียง 279 กรัมเท่านั้น

 

vivo X Fold2

เมื่อกางเครื่องออกมาจะเจอจอแสดงผลด้านในขนาด 8.03 นิ้ว ใช้พาเนล AMOLED E6 รองรับรีเฟรชเรทระดับสูง 120Hz บนความละเอียด 2K+ (2160 x 1916 พิกเซล) แถมจอยังสว่างสูงสุดถึง 1800 nits รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision

vivo X Fold2 Screenส่วนจอด้านนอกจะใช้พาเนลชนิดเดียวกัน ขนาด 6.53 นิ้ว บนความละเอียด Full HD+ 120Hz  (2520 x 1916 พิกเซล) สว่างสูงสุด 1600 nits รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision ความพิเศษไม่ได้มีแค่นี้ เพราะหน้าจอแสดงผลทั้งด้านนอก และด้านในจะรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ซึ่งถือเป็นมือถือจอพับรุ่นแรกของโลกที่ทำได้

vivo X Fold2 Chip

ด้านประสิทธิภาพก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะในรุ่นนี้จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 เป็นรุ่นแรกในบรรดามือถือจอพับ ประกบคู่ด้วยหน่วยความจำ LPDDR5X RAM 12GB และ UFS 4.0 สูงสุด 512 GB ส่วนด้านแบตเตอรี่จะให้มาที่ 4,800 mAh พร้อมอัปเกรดระบบชาร์จผ่านสาย 120W และรองรับชาร์จไร้สาย 50W มีระบบ VC Cooling ช่วยระบายความร้อนด้วย

ถึงแม้จะขายนวัตกรรมพับ แต่เรื่องกล้องก็ไม่ทิ้ง เพราะมาพร้อมกับกล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS พ่วงมากับชิปประมวลผลภาพ ISP V2 ที่ vivo พัฒนาเองเช่นเดิม กล้องหลังมาด้วยกัน 3 ตัวได้แก่ กล้องหลัก IMX866 50MP มีกันสั่น OIS + กล้อง Telephoto IMX663 12MP รองรับ Optical Zoom x2 + กล้อง Ultrawide 12MP ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 16MP ทั้งจอนอก และจอใน

ส่วนในเรื่องซอฟต์แวร์รอบนี้ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13 ครอบทับด้วย Origin OS 3 ที่ได้รับการอัปเกรด Flex Mode ให้ดียิ่งขึ้น รองรับการควบคุม Windows PC ระยะไกล (Remote), มี Taskbar สลับใช้แอปได้สะดวกยิ่งขึ้น, รองรับ multi-Window เปิดหลายแอปพร้อมกัน และลากเพื่อปรับขนาดหน้าต่างได้ อีกทั้งยังสามารถพับครึ่งวางไว้เพื่อวิดีโอคอลแบบ Hands-Free, เล่นวิดีโอ และใช้เพื่อช่วยถ่ายรูปได้ด้วย

สเปค VIVO X FOLD2 

  • หน้าจอพับด้านใน AMOLED E6 ขนาด 8.03 นิ้ว ความละเอียด 2K (2160 x 1916 พิกเซล)+, รีเฟรชเรท 120Hz, HDR10+
  • หน้าจอด้านนอก AMOLED E6 ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2520 x 1916 พิกเซล), รีเฟรชเรท 120Hz, HDR10+
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 2
  • RAM LPDDR5X: 12GB
  • ความจุ UFS4.0: 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง Zeiss 3 ตัว
    – กล้องหลัก IMX866 ความละเอียด 50MP (f/1.75) กันสั่น OIS
    – กล้อง Telephoto IMX663 ความละเอียด 12MP (f/2.0), Optical Zoom x2
    – กล้อง Ultrawide IMX663 ความละเอียด 12MP (f/2.0) มุมกว้าง 108˚
  • กล้องเซลฟี่ 16 MP (f/2.5)
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e/7, BT 5.3, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอใน และจอนอก), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 4800 mAh รองรับชาร์จไวแบบมีสาย 120W, ชาร์จไวแบบไร้สาย 50W
  • น้ำหนัก : 278.5 – 279.5 กรัม (ขึ้นอยู่กับสี)
  • ขนาด:  พับ: 161.3 x 143.4 x 6 มม. / กาง 161.3 x 73.4 x 12.9 มม.

ราคา และรุ่นความจุ

vivo X Fold2 เปิดตัวในประเทศจีนมาทั้งหมด 2 รุ่นความจุด้วยกัน ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่สีแดง, สีฟ้า และสีดำ โดยจะเปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 2023 เป็นต้นไป หลังจากนั้นจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 28 เม.ย. ส่วนราคา และรุ่นความจุมีดังนี้



  • 12GB + 256GB ราคา 8,999 หยวน (ประมาณ 44,900 บาท)
  • 12GB + 512GB ราคา 9,999 หยวน (ประมาณ 50,000 บาท)

ส่วนตลาด Global นั้น ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะทำตลาดด้วยหรือไม่ แต่ถ้าเดาจากสองรุ่นที่เคยเปิดตัวออกมา ดูเหมือนว่าครั้งนี้คงจะแห้วไปอีกตามเคย

 

ที่มา: vivo China, GizmoChina

You may have missed

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า