สเปค Infinix NOTE 40 / NOTE 40 Pro / NOTE 40 Pro 5G / NOTE 40 Pro+ 5G เด่นเรื่องชาร์จไว มีไฟ AI Halo

Infinix เปิดตัวมือถือซีรีส์คุ้มใหม่ Infinix NOTE 40 Series มาพร้อมกันถึง 4 รุ่น ที่รอบนี้ชูจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยีชาร์จไว All-Round Fast Charge 2.0 ที่มาพร้อมกับชิป Cheetah X1 ช่วยจัดการการชาร์จให้รวดเร็วสมชื่อ 1 – 50% ภายในเวลา 8 นาที เท่านั้น (เฉพาะรุ่นท็อป Infinix NOTE 40 Pro+ 5G) รวมถึงยังมีการนำระบบไฟ RGB LED แบบใหม่ Active Halo ที่ใช้ AI ในการเปลี่ยนสีมาประดับให้เครื่องดูแจ่มขึ้นด้วย

เปิดตัว Infinix NOTE 40 Series

Infinix NOTE 40 (4G)

Infinix NOTE 40 Series เปิดตัวมาด้วยกันทั้งหมดถึง 4 รุ่น ได้แก่ Infinix NOTE 40 และ NOTE 40 Pro ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ชิป 4G เวอร์ชั่นพิเศษ Helio G99 Ultimate และรุ่นที่รองรับ 5G อย่าง Infinix NOTE 40 Pro 5G และ NOTE 40 Pro+ 5G โดยมากับชิป Dimensity 7020

Infinix NOTE 40 Pro (4G)

โดยทุกรุ่นจะได้จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz พร้อมการันตีปล่อยแสงสีฟ้าต่ำจาก TUV Rheinland โดยซีรีส์ที่ลงท้ายด้วย Pro ทุกรุ่นจะได้ใช้เป็นจอกระจก Gorilla Glass แบบโค้ง 3D 55 องศา

มีเพียงแค่ Infinix NOTE 40 (4G) รุ่นมาตรฐานเท่านั้น ที่จะได้ใช้เป็นจอตรงแบบ Flat Screen ซึ่งทุกรุ่นรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และยังมากับลำโพงคู่ที่ปรับจูนเสียงโดย JBL ทุกรุ่นด้วย

เช่นเดียวกับกล้องถ่ายภาพ ที่ทุกรุ่นจะได้ใช้กล้องหลักความละเอียด 108MP รองรับ In-Sensor Zoom 3 เท่า ซึ่งถ้าเป็นซีรีส์ Pro จะได้เซนเซอร์กันสั่น OIS สำหรับถ่ายวิดีโอนิ่ง ๆ ด้วย ส่วนกล้องเซลฟี่ทุกรุ่นจะได้เป็นกล้องความละเอียดสูง 32MP

และไฮไลต์ที่จะได้ทุกรุ่นในรอบนี้ คือไฟแฟลช AI LED ที่มีชื่อว่า Halo Light ที่นอกจากจะทำหน้าที่เป็นไฟแฟลชแบบวงแหวนสำหรับถ่ายรูปแล้ว ยังมีระบบ Active Halo ที่เปลี่ยนสีไฟไปตามการใช้งานต่าง ๆ ได้ เช่น เปลี่ยนสีเมื่อมีการแจ้งเตือน หรือโทรเข้าโทรออก หรือแม้กระทั่งในขณะเล่นเกม หรือฟังเพลง

สำหรับระบบการชาร์จนั้น ในรุ่น Infinix NOTE 40 และ Infinix NOTE 40 Pro 5G จะรองรับชาร์จไวผ่านสาย USB-C ที่ 45W ส่วน Infinix NOTE 40 Pro (4G) เขยิบระบบชาร์จไวผ่านสายมาที่ 70W ส่วนรุ่นท็อปสุด NOTE 40 Pro+ 5G จะรองรับชาร์จไวผ่านสาย 100W ชาร์จจาก 1 – 50% ใช้เวลาเพียง 8 นาที

Infinix NOTE 40 Pro+ 5G

Infinix NOTE 40 Series ทุกรุ่นยังรองรับการชาร์จไร้สายผ่านอุปกรณ์แม่เหล็ก Mag Charge สูงสุดถึง 20W และยังรองรับระบบ ByPass Charge 2.0 ต่อไฟตรงเข้าเครื่องในขณะเล่นเกม ไม่ต้องกลัวเครื่องร้อนแล้วทำแบตเตอรี่เสื่อม แถมยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ ถึงแม้จะเจออุณหภูมิที่ต่ำสุด ๆ -20 องศาเซลเซียส

ตัวซอฟต์แวร์ติดตั้งมากับ XOS 14 บนพื้นฐาน Android 14 พร้อมการันตีอัปเดต OS ให้ 2 ปี + แพตช์รักษาความปลอดภัย 3 ปี (เฉพาะ NOTE 40 Pro Series) ตัวเครื่องทุกรุ่นมี IR-Blaster และ NFC มาให้ทุกรุ่น

นอกจากตัวเครื่องดีไซน์มาตรฐานแล้ว Infinix NOTE 40 Series ยังมีตัวเครื่องดีไซน์พิเศษที่ได้ไปร่วมงานกับทาง BMW M Motorsport จนได้เป็นตัวเครื่องสีเงินสลักลวดลายโลโก้ 3 สี เหมือนรถแข่งสุดแรง พร้อมธีมตัวเครื่อง และอุปกรณ์เสริมสกรีนลายแบบครบเซ็ต ในชื่อรุ่น Infinix NOTE 40 Racing Edition ด้วย

สเปค Infinix NOTE 40

รออัปเดตข้อมูลสเปคอย่างเป็นทางการ

สเปค Infinix NOTE 40 Pro (4G)

สเปค Infinix NOTE 40 Pro 5G

สเปค Infinix NOTE 40 Pro+ 5G

ราคา และการวางจำหน่าย

Infinix NOTE 40 Series ยังไม่ได้ระบุรุ่นความจุออกมาแน่ชัด แต่ราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นแบบ Global นั้น ได้เปิดออกมาแบบครบ ๆ ทั้ง 4 รุ่น ดังนี้

  • Infinix NOTE 40 ราคาเริ่มต้น 199 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 7,000 บาท
  • Infinix NOTE 40 Pro (4G) ราคาเริ่มต้น 259 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 9,300 บาท
  • Infinix NOTE 40 Pro 5G ราคาเริ่มต้น 289 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 10,400 บาท
  • Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ราคาเริ่มต้น 309 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 11,000 บาท

ที่มา: Android Central, Yanko Design

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า