เทียบกล้อง iPhone 14 Pro Max, 13 Pro Max, 12 Pro Max, 11 Pro Max, Xs Max ผ่านไป 5 รุ่น ภาพสวยมากขึ้นแค่ไหน?

วันนี้ Droidsans ขอพาทุกคนไปทดลองกล้อง iPhone ด้วยกันถึง 5 เจเนอเรชัน ตั้งแต่รุ่นล่าสุด 14 Pro Max ร่ายเรียงลงไปถึงรุ่น Xs Max เทียบกล้องแต่ละรุ่นในฉาก สภาพแสง และองค์ประกอบแบบเดียวกัน ว่าหากขึ้นชื่อว่าใช้มือถือไอโฟนถ่ายรูปแล้ว ต่างรุ่นจะส่งผลต่อความต่างของภาพมากแค่ไหน โดยคราวนี้เราพา 2 สาวนางแบบมาร่วมกันทดลองในธีมเทศกาลคริสมาสต์ ได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรมาดูกัน!

สเปคกล้อง iPhone 14 Pro Max,  13 Pro Max, 12 Pro Max, 11 Pro Max, XS Max

รุ่น 14 Pro Max 13 Pro Max 12 Pro Max 11 Pro Max XS Max
กล้องหลัก 48MP f/1.8 12MP f/1.5 12MP f/1.6 12MP f/1.8 12MP f/1.8
กล้องอัลตราไวด์ 12 MP, f/2.2 12 MP, f/1.8 12 MP, f/2.4 12 MP, f/2.4 x
กล้องเทเลโฟโต้ 12 MP f/2.8 12 MP f/2.8 12 MP f/2.2 12 MP f/2.0 12 MP f/2.4
กล้องหน้า 12MP f/1.9 12MP f/2.2 12MP f/2.2 12MP f/2.2 7MP f/2.2
Optical Zoom : In/Out x3 / x0.5 x3 / x0.5 x2.5 / x0.5 x2 x2
Digital Zoom (Max) x15 x15 x12 x10 x10

ในการทดสอบครั้งนี้ เราจะอัปเดตให้ iPhone ทุกรุ่นเป็นเวอร์ชัน iOS 16.2 ล่าสุด และตั้งค่ากล้องให้เหมือนกันทุกอย่าง เช่น ใช้โปรไฟล์สี Standard ธรรมดา เปิด Smart HDR และ Prioritize Faster Shooting  สุดท้ายเวลากดถ่าย เราจะยกมือถือให้ปรับแสงเองเลย ไม่มีการแตะชี้นำกล้องครับ

**ภาพในอัลบั้มเรียงจาก iPhone 14 Pro Max > iPhone 13 Pro Max > iPhone 12 Pro Max > iPhone 11 Pro Max > iPhone Xs Max**

กล้องหลักเลนส์ไวด์ของ iPhone





ภาพชุดแรก จะเห็นได้ว่ารุ่นที่สีสดที่สุดเป็น  iPhone 14 Pro Max ที่เร่งสีและความสว่างภาพขึ้นไป เห็น Contrast ชัด เหมือนใช้แอปปรับแสง ซึ่งเป็นฉากเดียวในการทดสอบนี้ที่กล้องเร่งสีจัดขนาดนี้ ถัดมา iPhone 13 Pro Max จะพยายามเพิ่มแสงให้สว่างเข้าไว้ ทำเอาสีสันออกขาวซีดไปหน่อย แต่พอเป็นรุ่น iPhone 12 Pro Max จะลดแสงลงไปบ้าง สังเกตได้จากสีกางเกงยีนที่ดำเข้มมากขึ้น แต่ก็ช่วยให้สีสันมีความสดใสขึ้นมาเล็กน้อย

ส่วน iPhone 11 Pro Max จะมีเอกลักษณ์กล้องติดสีฟ้า โทนภาพเลยออกมาเย็น และปรับสีผิวคนให้เพียนไปหน่อย และสุดท้ายเป็นรุ่นเก่าที่สุด iPhone Xs Max จะได้สีสันภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ เที่ยงตรง แต่แสงจะมืดกว่ารุ่นอื่นหน่อย





ลดระดับแสงลงมาเล็กน้อย อยู่ในพื้นที่กึ่ง In Door ที่แสงยังสาดเข้ามาได้ ภาพชุดนี้แสดงความแตกต่างของกล้องได้หลายประการ อย่างแรกคือเรื่องการจัดการแสง ที่ต้องยกให้ iPhone 14 Pro Max ว่าสามารถคุมแสงให้ดูเป็นธรรมชาติ เน้นความสว่างช่วงใบหน้าและยังรักษาช่วงสีผมได้ดี สังเกตจากผมของพี่เก่ง (คนซ้าย) ที่ยังมีสีดำลึก และก็ต้องยกนิ้วให้กับ iPhone Xs Max ที่ยังจัดการแสงได้ดีเช่นกัน

ส่วนรุ่นอื่นทั้ง 13, 12, และ 11 Pro Max จะพยายามดึงภาพให้สว่าง ๆ เข้าไว้ ภาพจึงออกมาสีดูฟุ้งไปบ้าง โดยรุ่น iPhone 13 Pro Max ติดโทนสีฟ้า ต่างกับรุ่น iPhone 12 Pro Max ที่โทนสีออกเหลืองสว่าง





ขยับมาโดนแดดแรงสาดลงบนตัวนางแบบ ด้านแสงและสีของ iPhone 13 Pro Max และ iPhone 14 Pro Max มีความใกล้เคียงกันมาก ด้วยการพยายามยกพื้นที่เงาให้สว่างมากขึ้น และโทนสีออกมาติดสีเหลืองอุ่น แม้รุ่น 14 จะออกสีเหลืองมากกว่าหน่อย ในขณะที่ iPhone 12 Pro Max จะได้สีใกล้เคียงกับ iPhone XS Max ที่เป็นสีโทนเย็น และไม่ได้พยายามยกพื้นที่เงาให้สว่างขึ้นมามากนัก

ส่วนรุ่นที่แตกต่างที่สุดเป็น iPhone 11 Pro Max ที่ถ่ายแล้วมีเงาสีขาวคลุมภาพ แถมไม่ค่อยมีการเบลอพื้นหลัง ทำให้ภาพดูไม่มีมิติเท่าไร

กล้องหลัก iPhone ถ่ายภาพย้อนแสง





**ฉากนี้เลนส์ iPhone 11 Pro Max ไม่สะอาดครับ ขออภัยด้วย**

พอถ่ายย้อนแสงคราวนี้กล้องทุกตัวทำหน้าที่ได้ดี สามารถดึงแสงสีของวัตถุด้านหน้าได้ครบถ้วน แต่น่าเสียดายที่รุ่น iPhone 11 น่าจะเปื้อนคราบเลยทำเอากล้องเพี้ยน เกิดเป็นเงาขาวมัว ๆ

ทั้งนี้ รุ่น iPhone 14 จะเห็นว่ามีมุมที่โดนแดดสาดส่องลงมาเต็ม ๆ เกิดเป็นแฟลร์เล็ก ๆ ใต้สะพาน แต่กล้องก็สามารถจัดการกับแสงได้ดี ได้เป็นภาพสวยมาก ๆ ภาพนึงเลย

อีกเรื่องที่สังเกตุได้เป็นการปรับเกลี่ยผิวหน้า หรือใส่เอฟเฟกต์บิวตี้ ที่รุ่น iPhone 12 และ 13 ดูจะให้แต่งมาให้เยอะกว่ารุ่นอื่น ๆ ในขณะที่รุ่นอื่นยังพอเผยให้เห็นผิวหน้าที่สมจริงกว่าเล็กน้อย

กล้องหลักภาพวิวของ iPhone





ในภาพวิวตึกและสนามหญ้าเรียบ ๆ พบว่ากล้องที่ผ่านมาทั้ง 5 รุ่นนั้นมีความแตกต่างกันไม่มาก ทั้งเรื่องโทนสีและรายละเอียดต่าง ๆ มีจุดสังเกตเล็กน้อย อย่างในรุ่น iPhone 11 ที่ติดสีฟ้าคลุมไปทั่วทั้งภาพ ทำให้ส่วนของเงาและใบไม้สีเป็นโทนเย็น ส่วนท้องฟ้าก็เป็นสีสดใสขึ้นไปอีก และอีกข้อเป็นเรื่องความคมชัดของภาพในรุ่น Xs Max ที่ด้อยกว่ารุ่นอื่นมาก





ลองมาดูฉากวิวรายละเอียดสูง ระบบจะประมวลแสงสีออกมาไม่ต่างกันมากเหมือนกัน แต่มีจุดสังเกตคือรุ่นที่ดันแสงสว่างที่สุดคือ iPhone 13 Pro Max ตรงกันข้ามกับ iPhone Xs Max ที่แสงในภาพสว่างน้อยที่สุด แถมความคมชัดก็จะสู้รุ่นอื่นไม่ได้เลย เวลาซูมเข้าไปจะเห็นภาพแตกอย่างชัดเจน

iPhone 14 Pro Max เปรียบเทียบเปิดปิดโหมดถ่าย 48MP (ProRAW)


อีกหนึ่งโหมดที่เพิ่มเข้ามาสำหรับ iPhone 14 Pro Max คือการถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุดของเซนเซอร์ 48MP เราเลยเลือกถ่ายภาพรายละเอียดสูงอย่างต้นคริสต์มาสต์ ยืนถ่ายห่างจากต้นพอสมควร ภาพถ่ายปกติเมื่อซูมเข้าไปก็จะได้ภาพแตก และวัตถุต่าง ๆ เสียรายละเอียดไปเยอะ แต่เมื่อเปิดโหมด 48MP แล้วถ่าย จะได้ภาพที่ซูมเข้าไปไกลก็ยังได้เห็นรายละเอียดได้ครบ เห็นใบไม้เส็นเล็ก ๆ ได้อยู่ นอกจากนี้ยังช่วยเก็บภาพที่สว่างได้มากขึ้น และลด Noise ลงไปด้วย

ภาพถ่าย Portrait ของ iPhone





ในโหมดถ่าย Portrait เราจะเทียบกันที่ระยะซูมสูงสุดของแต่ในรุ่น ซึ่งตัว Xs Max และ 11 Pro Max มีระยะซูม 2 เท่า 12 Pro Max อยู่ที่ 2.5 เท่า ส่วน 13 และ 14 Pro Max อยู่ที่ 3 เท่า

ภาพชุดนี้บอกตามตรงว่าแทบไม่มีความแตกต่าง ทั้งความชัด สีสัน อยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด แม้ iPhone 11 Pro Max ดูจะชอบเพิ่มแสงเยอะกว่ารุ่นอื่นนิดดดนึง ทำให้นางแบบดูเหมือนมีแสงเปล่งประกายออกมา แต่ก็ไม่ได้มองเห็นได้ชัด

มีข้อสังเกตุเดียวที่เห็นความแตกต่างชัดเจน คือเรื่องการตัดขอบวัตถุ ที่รุ่นเก่า ๆ ทั้ง Xs Max และ 11 Pro Max เลือกที่จะเบลอขอบใปเลย ทำให้ฉากนี้ทั้งสองรุ่นดูตัดขอบเนียนใช้ได้

แต่ในทางกลับกัน รุ่นใหม่ ๆ อย่าง 12 และ 13 Pro Max มีความพยายามตัดขอบวัตถุละเอียดถึงระดับเส้นผม ทำให้มีส่วนที่ตัดขอบออกมาแปลก ๆ ดูไม่เนียน แต่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนรุ่น 14 Pro Max ที่เก็บส่วนปอยเส้นผมได้ค่อนข้างครบถ้วน แม้ยังดูออกอยู่ว่าเป็นการละลายหลังด้วยซอฟต์แวร์





ฉากถ่ายภาพบุคคลกับแสงแดด ซีนนี้หาความต่างของภาพยากอีกแล้ว พอจะเห็นโทนสีผิวที่ไปทางสีขาวบ้างในรุ่น iPhone 13 และ XS Max แต่ไม่ได้ต่างกับรุ่นอื่นอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่เมื่อสังเกตจากสีเสื้อจะพบว่า iPhone 11 มีสีสดกว่ารุ่นอื่นเล็กน้อย

ส่วนเรื่องการตัดขอบในรุ่น iPhone 14 และ 13 เลือกที่จะเก็บปอยผมเล็ก ๆ ไว้ ต่างกันรุ่นที่เก่ากว่านั้นที่เลือกตัดไปเป็นพื้นหลังเลย





ลองดูท่าโพสต์แกล้ง AI ด้วยช่องว่างแขน ที่หากเป็นกล้องจริง ๆ ก็จะต้องเบลอภาพพื้นหลังออกไปในส่วนนั้นด้วย แต่ดูเหมือนรุ่นเก่า ๆ จะยังรับมือสถานการณ์แบบนี้ไม่ดีเท่าไร อย่าง Xs Max ก็เบลอได้แค่ครึ่งเดียว ส่วน 11 Pro Max ไม่มีการเบลอใด ๆ เลย ต่างกับมือถือรุ่น 12 Pro Max ขึ้นไป ที่จัดการได้อยู่หมัด

ต่อมาเป็นเรื่องแสง ที่ในรุ่น 11 และ 12 Pro Max ติดแสงขาวคลุมทั่วกันทั้งภาพ ในขณะที่รุ่นอื่นมีแสงเข้มเป็นปกติ นอกจากนี้ iPhone 11 Pro Max ยังมีข้อสังเกตเป็นเรื่องสี ที่ปรับความอิ่มตัวสูง จนดูเหมือนเข้าแอปแต่งภาพมา

ด้านการตัดขอบวัตถุ ดูเหมือนว่ามือถือทั้ง 5 รุ่นจัดการได้ไม่ต่างกันเท่าไร ส่วนการเบลอหลังในรุ่น Xs Max เบลอให้น้อยสุด





ถ่าย Portrait คู่สองคน มีข้อสังเกตแรกเป็นการเบลอหลังของ XS Max ที่เบลอมาน้อยที่สุด ส่วนรุ่นอื่นไม่ค่อยต่าง เรื่องต่อมาคือการจับโฟกัสภาพ ที่รุ่น iPhone 12 ถ่ายยังไงก็ไม่ยอมจับโฟกัสให้ชัดเจน เลยจะดูเบลอไปด้วยกันทั้งสองคน ส่วนรุ่น iPhone 13 จับใบหน้าพี่เก่งด้านซ้ายได้คมชัด แต่เบลอน้องด้านขวาที่อยู่ข้างหลังไปอีกนิดเล็กน้อย

สุดท้ายเรื่อง Contrast ของภาพ ที่รุ่น iPhone 14 และ 11 ปรับความต่างแสงสูงทำให้แสงที่กระทบบนใบหน้าดูสว่างเป็นสีขาวกว่ารุ่นอื่น

กล้องเลนส์อัลตราไวด์ของ iPhone





เปิดการเทียบกล้องอัลตราไวด์ด้วยฉากคลอง ที่มีมุมมืดเป็นขอบใต้สะพาน และจุดสว่างที่สุดเป็นดวงอาทิตย์ พบว่ามือถือทั้ง 5 รุ่น ผลิตภาพออกมาได้ใกล้เคียงกัน แต่เนื่องจากรุ่น XS Max ไม่มีเลนส์อัลตราไวด์ จึงจะใช้เป็นเลนส์กว้างธรรมดาถ่ายได้มุมภาพที่แคบกว่ารุ่นอื่น สีก็ดูจืดชืด และแสงแดดที่ตกมากระทบเลนส์ก็ฟุ้งกระจายไปทั่วภาพ แต่ส่วนนี้ก็อาจเกิดจากมุมที่ถ่ายแตกต่างกันเล็กน้อย

อีกเรื่องที่น่าสนใจเป็นสีของภาพ ที่สไตล์สีสันสดใสของ iPhone 11 เข้ากับฉากที่มีมุมมืดและแสงสีเหลืองแบบนี้ ช่วยชูพื้นที่ส่วนตึกให้ดูขาวสว่างมากขึ้น





ฉากนี้เป็นอัลตราไวด์แบบย้อนแสง สถานที่จริงทั้งสองคนอยู่ในเงามุมมืดพอสมควร จะเห็นได้ว่ารุ่นใหม่ iPhone 14 และ 13 มีความสามารถจัดการแสงวัตถุได้ดี โดยรุ่น iPhone 14 เพิ่มแสงและสีสันให้ดูสว่างมากขึ้น กำลังพอเหมาะเป็นธรรมชาติ ส่วน iPhone 13 เหมือนจะพยายามเพิ่มแสงให้มากไปหน่อย ทำให้สีดูเข้มไปเล็กน้อย แต่บางคนอาจชอบ

ส่วนรุ่นอื่นเหมือนจะไม่ได้มีการเพิ่มแสงให้วัตถุมากเท่าไร มีรุ่นที่ทำเอานางแบบดูมืดไปหมดคือ iPhone 12 ต่อมา iPhone 11 ก็ยังติดสีฟ้ามาคลุมอีกเช่นเคย สุดท้ายต้องชม iPhone XS Max (ใช้กล้องหลัก) ที่แม้ไม่มีการเพิ่มแสงเท่าไร แต่สีสันออกมาดูเป็นธรรมชาติ สว่างใช้ได้





ปิดท้ายด้วยฉากในสวน ที่ดูไม่ต่างกันเท่าไร พอจะเห็นได้เพียง Contrast ที่เข้มและสีสันที่ไปทางโทนเหลืองมากกว่า ของ iPhone 14 Pro Max และมีรุ่นที่ดันเงาให้สว่างที่สุดเป็น iPhone 11

ถ่ายภาพมาโครของ iPhone





โหมดถ่ายภาพมาโครจะมีแค่ในรุ่น iPhone 14 Pro และ 13 Pro เท่านั้น โดยใช้เลนส์ Ultrawide ในการถ่าย ส่วนรุ่นอื่น ๆ ที่ไม่มีโหมด Macro หากต้องการถ่ายภาพใกล้วัตถุก็ต้องอาศัยกล้องหลักเอา แต่ก็จะเข้าใกล้วัตถุไม่ได้เท่า 2 รุ่นดังกล่าว โดยรุ่น iPhone 11 Pro Max และ iPhone XS Max มีระยะเข้าใกล้วัตถุเท่ากัน แต่ iPhone 12 Pro Max จะมีระยะเข้าใกล้วัตถุไกลกว่าหน่อย





แต่หากต้องการถ่ายภาพที่ไม่ได้ใกล้วัตถุมากเกินไป กล้องแต่ละตัวก็จะเข้าใกล้ได้ระยะประมาณนี้ จะเห็นว่า iPhone 14 Pro Max ปรับคอนทราสต์สูงจนเห็นดอกไม้ในพื้นหลังเป็นเม็ดสีขาวเด่น ส่วนรุ่นอื่นก็จะเบลอเนียน ๆ รวมกันไป


และเมื่อเทียบสองกล้องที่รองรับโหมดมาโคร จะเห็นว่า iPhone 14 ติดโทนสีเหลืองขาว ส่วน iPhone 13 ออกไปทางสีฟ้าจาง ๆ เห็นได้ชัดจากการถ่ายดอกไม้สีขาวแบบนี้


ระยะถ่ายกล้อง 14 และ 13 นั้นสามารถนำมาถ่ายดวงตาคนได้เลย ซึ่งรุ่น iPhone 14 Pro Max ลองกดถ่ายหลายรอบแล้วแต่กล้องเลือกไปโฟกัสที่ขนตามากกว่าดวงตา สีสันต่าง ๆ ก็ยังคงรักษาตามสไตล์ของกล้อง คือสีออกเข้ม ๆ หม่น ต่างกับ iPhone 13 Pro Max ที่จับโฟกัสดวงตาได้ และปรับสีสันให้ดูสว่างมีชีวิตชีวามากขึ้น

ภาพซูมไกลกล้อง iPhone

ระยะซูม 2 เท่า





แม้ว่าเลนส์ซูมของไอโฟนแต่ละรุ่นจะไม่เท่ากัน ดังนั้นบางรุ่นเวลาซูมระยะ 2 เท่า ก็ต้องใช้ระบบดิจิทัลเข้าช่วย พบว่ารุ่น 14 และ 13 ยังรักษาความคมชัดไว้ได้ดีไม่แพ้รุ่นที่ใช้เลนส์ 2x อยู่แล้ว แต่เหมือนว่า 12 จะเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีเท่า ส่วนรุ่น XS Max แม้มีเลนส์ 2x อยู่แท้ ๆ แต่ภาพก็ออกมาไม่คมชัดตามเคย

อีกข้อสังเกตนึงเป็นเรื่องสี ที่ฉากนี้ไอโฟน 11 ไปเอาแสงเหลืองมาจากไหนไม่ทราบ อีกรายก็เป็นไอโฟน 14 ที่ทำภาพออกมาเหลืองเล็กน้อยเช่นกัน

ระยะซูม 10 เท่า





พอซูมไกลไปอีกเป็น 10 เท่า พบว่า iPhone 4 และ 13 ยังเก็บรายละเอียดไว้ได้ครบโดย 14 ทำได้ดีกว่าพอสมควร ไม่มีร่อยรอยภาพเป็นปื้นสีน้ำมันเลย

ส่วนรุ่น iPhone 12 เหมือนจะเก็บรายละเอียดได้ไม่เท่ารุ่น 11 และไม่ได้ดันแสงให้สว่างเท่าด้วย และสุดท้าย XS Max เป็นรุ่นที่ภาพคมชัดน้อยที่สุด

ระยะซูม Optical





นอกจากเทียบดูความสามารถดิจิทัลซูมแล้ว เรายังอยากดูเรื่องการซูมของกล้องแบบ Optical ด้วย โดย iPhone 14, 13, 12, 11, XS Max มีระยะซูม 3x, 3x, 2.5x, 2x, 2x ตามลำดับ ทำให้ได้ภาพออกมาตามนี้ พบว่า iPhone 14 กับ 13 เก็บภาพได้คมชัดและจัดการ noise ได้ดีที่สุด แต่ด้านอื่นกล้องทุกตัวทำหน้าที่ได้ดีพอ ๆ กัน

iPhone กล้องหน้าถ่ายเซลฟี่





ภาพเซลฟี่ชุดนี้ปรับให้เป็นมุมถ่ายกว้าง (ยกเว่นรุ่น XS ที่ปรับไม่ได้) เมื่อเทียบกันแล้ว พบว่ารุ่น 14, 13, 12, 11 ถ่ายออกมาแล้วภาพเหมือนกันมาก ชี้ความแตกต่างเด่น ๆ ไม่ได้ มีรุ่นที่แปลกแยกออกมาหน่อยเป็น XS Max ที่ภาพไม่ชัดมากจากความละเอียดที่มีเพียง 7MP (รุ่นอื่น 12MP) สีออกนวล ๆ สีสันตรงใบหน้าก็ออกเป็นสีขาวสว่าง เสียรายละเอียดตรงที่แสงส่องบางส่วน





ฉากนี้ใช้แสงด้านในห้าง และใช้กล้องเซลฟี่ซูมเข้าใกล้มากขึ้น พบว่ารุ่น iPhone 12 ไม่ค่อยจับโฟกัสวัตถุอีกแล้ว อาการเหมือนถ่ายกล้องหลัง Portrait ในซีนเดียวกัน อีกตัวที่ภาพไม่ชัดมากคือกล้อง XS Max ที่เข้าใจได้เพราะมีความละเอียดเพียง 7MP ส่วนรุ่นที่ภาพคมชัดที่สุด ตกเป็นของ iPhone 14 ที่จับรายละเอียดบนใบหน้าและฉากหลังได้ครบถ้วน

เซลฟี่ Portrait คู่





ลองถ่ายเซลฟี่สองคนแบบเปิดโหมด Portrait ให้ได้ละลายพื้นหลังดู สังเกตได้ว่ารุ่น iPhone 14 และ 13 ตัดขอบได้โอเค ส่วนรุ่นที่เหลือมีติดตุ๊กตาหมีข้างหลังมา รายละเอียดของภาพยังได้ผลลัพธ์แบบเดิมกับภาพชุดที่แล้ว รุ่น iPhone 12 ยังไม่ค่อยปรับแสงสีให้สว่างขึ้นอีกแล้ว

iPhone ถ่ายภาพอาหาร





ภาพสเต็กเนื้อและผักเครื่องเคียงหลากสีสัน ที่ถ้าบอกว่าใช้กล้องตัวเดียวกันถ่ายก็คงเชื่อได้ไม่ยาก เพราะว่าสีสันเหมือนกันหมดทุกประการ





ฉากนี้ก็พอสังเกตเห็นความแตกต่างได้บ้าง อย่างการที่ iPhone 12 ปล่อยให้สีของอาหารดูหม่นหมองลงไป จากเค้กสีเหลืองสดใสกลายเป็นน้ำตาลเทา ส่วน iPhone 11 ก็ดึงส่วนมืดของภาพให้ออกมาดูเป็นสีขาวมัวอีกแล้ว ส่วนรุ่นอื่น ๆ ดูคล้ายคลึงกันอย่างมาก





แต่พอขยับออกมาให้กล้องได้เห็นมุมกว้าง ถ่ายคนและอาหาร ก็จะเริ่มเห็นความแตกต่าง สังเกตได้ว่ากล้องในรุ่น iPhone 12 และ Xs Max จะเบนความสนใจไปให้ตัวบุคคลและปล่อยเบลออาหารบนโต๊ะไป ส่วน 14 และ 13 จับโฟกัสได้ชัดทั้งภาพ โดย 14 มีรายละเอียดภาพมากที่สุด

การจัดการสีดำเส้นผมคราวนี้ iPhone 14 และ XS Max ยังคุมได้ดีทั้งคู่เช่นเคย เฉดออกมาเป็นธรรมชาติ ด้าน iPhone 13 ซูมดูใกล้ ๆ แล้วยังเห็นสไตล์สีโทนสว่าง ปรับแต่งจนสีดูคล้ายภาพน้ำมันอีกแล้ว ส่วนภาพของ iPhone 11 ก็มีสีขาวฟุ้งจากการพยายามยกแสงภาพ





ได้เวลาทดสอบตัว AI ตัดขอบวัตถุอีกครั้งด้วยเซ็ตภาพเครื่องดื่มกับหลอด มีไอโฟนรุ่น XS Max และ 11 ที่ตัดหลอดเราทิ้งละลายไปกับพื้นหลัง ถ่ายกี่รอบก็ไม่ยอมดึงกลับมา ส่วน 14, 13, 12 ยังดูออกว่าเป็นหลอด และตัดขอบมาเนียนตาใช้ได้ แต่จากภาพเซ็ตนี้ 12 ตัดขอบเนียนที่สุด

โหมดถ่ายภาพกลางคืน NIGHT MODE ของ iPhone





เข้าสู่ช่วงถ่ายภาพกลางคืนกัน ฉากแรกอยู่ในพื้นที่แสงสลัว ถ่ายด้วยกล้องหลักธรรมดา และไม่ได้เปิด Night Mode พบว่าแต่ละกล้องมีความแตกต่างกันสูงมาก เริ่มจากรุ่นเก่าสุด XS Max ที่ถ่ายออกมาแล้วภาพมืดที่สุด ไม่ได้มีการชดเชยแสงสีมากเท่าไร แถม Noise เยอะมาก

ถัดมาเป็นรุ่น 11 ที่แม้ Noise ยังมีเยอะอยู่ แต่ได้ปรับแสงให้สว่างขึ้นและภาพคมชัดขึ้นมาก ติดเป็นโทนสีเหลือง แต่ก็ได้พัฒนาต่อไปในรุ่น 12 ที่ลดสีเหลืองลงไปให้ภาพดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมลดจำนวน Noise ลงไป แต่ก็ต้องแลกมากับความสว่างที่ลดลงมาเล็กน้อย ออกเป็นโทนมืด ๆ อย่างที่เราได้เห็นกันในภาพชุดก่อน ๆ

แต่พอถ่ายด้วยรุ่น 13 ก็เห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด คราวนี้สีสันดูเป็นธรรมชาติ ไม่ออกโทนสีไหนมากเกินไป ลด Noise ลงไปเยอะ และมีความคมชัดสูง กลายเป็นว่าสไตล์สีที่ดูโดดของ iPhone 13 Pro Max พอมาใช้ถ่ายภาพกลางคืนแล้วออกมาสวยมาก ๆ ครับ

สุดท้ายในรุ่น 14 ได้ปรับลดความอิ่มสีและความสว่างลงไปจากรุ่น 13 ได้เป็นภาพโทนสีออกน้ำเงิน ดูเป็นตอนกลางคืนมากขึ้น และสามารถลด Noise ลงไปได้อีก ทำให้ได้ภาพคมชัด

เปรียบเทียบเปิด-ปิด Night Mode ในกล้อง iPhone

คราวนี้เราขอลองเทียบระหว่างภาพที่เปิดกับปิด Night Mode โดยมือถือรุ่น XS Max ที่ไม่มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนก็จะใช้เป็นภาพเดียวกันทั้งสองอัลบัม มาเริ่มดูภาุดแรกที่ยังไม่ได้เปิดใช้โหมดกลางคืนกันก่อนครับ





ฉากนี้ยังได้ผลลัพธ์ด้านการจัดการ Noise เหมือนเดิม ยิ่งรุ่นใหม่ขึ้นไปก็ยิ่งได้ภาพคมชัด แต่รุ่น iPhone 11 ดูติดเหลืองน้อยลงมา ต้องชูความเหลืองกับความสว่างให้รุ่น 13 ไป





พอเปิด Night Mode พบว่ารุ่น 11 สีสดมาก ๆ สีเขียวต้นไม้โดดออกมาชัดเจน และได้ลด Noise ลงไปเยอะพอสมควร ส่วนรุ่นอื่นก็เหมือนเร่งสไตล์สีของภาพให้ชัดเจนขึ้นไปอีก อย่าง 12 ก็ปรับแสงสว่างขึ้น แต่ยังสว่างน้อยกว่ารุ่นอื่น 13 แสงสว่างที่สุด มีสีสันสดใส และ 14 ก็ลดความสว่างลงมาหน่อย แต่ภาพสวยคม สีไม่โดดเกินไป

กล้องเซลฟี่เปิด-ปิด Night Mode ในกล้อง iPhone





ลองถ่ายเซลฟี่แบบไม่เปิดโหมดกลางคืนกันก่อน จุดที่ถ่ายมีแสงน้อยมาก ๆ ซึ่งกล้องแต่ละตัวก็มีความสามารถต่างกันไป มีรุ่นที่แสงสว่างสุดเป็น iPhone 14 แต่ก็ได้สีที่จืดชืดลงมาเช่นกัน ส่วนรุ่นที่สีสดที่สุดคงต้องยกให้ iPhone 13 ส่วน iPhone 12 และ 11 ทีโทนสีใกล้เคียงกัน แต่ 11 จะสว่างกว่า สุดท้ายรุ่น XS Max ภาพมืดและไม่ชัดมาก ๆ





ส่วนรุ่นที่เปิดโหมดกลางคืนของกล้องหน้าได้ มีแค่ iPhone 14, 13, และ 12 เท่านั้น ดังนั้นรุ่น 11 และ XS Max จะยังเป็นภาพเดิม พบว่ารุ่น iPhone 13 ปรับ Contrast ภาพมืด ๆ แบบนี้หนักมาก ส่วนมืดก็มืดเข้ม ส่วนสว่างก็แสงจ้า พร้อมเร่งสีให้เข้มขึ้นไปอีก ส่วน iPhone 12 และ iPhone 14 มีโทนสีใกล้เคียงกัน ต่างที่ 14 จะมีความสว่างมากกว่า ได้เป็นภาพที่ดูเป็นธรรมชาติดี









ภาพตึกยามค่ำคืนที่เปิด Night Mode (ไม่รวม XS Max) พบว่า iPhone 14 ปรับแสงสว่างมากที่สุด แต่ก็เพิ่ม Noise มากขึ้นไปด้วย ถ่ายท้องฟ้าออกมาโทนสีฟ้าสว่าง ส่วน iPhone 13 ปรับ contrast ภาพทำให้เห็นตึกได้ชัดทุกส่วน โดยรวมแล้วกล้องแต่ละตัวยังยึดสไตล์ภาพได้เหมือนกับฉากอื่น ๆ ในตอนกลางคืนครับ

ภาพ Ultrawide ตอนกลางคืนของกล้อง iPhone





ใช้เลนส์อัลตราไวด์มาถ่ายภาพท้องถนนยามค่ำคืนแบบไม่เปิด Night Mode ด้วยความที่เป็นเลนส์รองก็จะได้คุณภาพด้อยลงมาทุกตัว (ยกเว้น XS Max ที่ใช้ได้แค่กล้องหลัก) รุ่นใหม่ล่าสุด 14 ถ่ายออกมาได้ความคมชัดสูง เกลี่ย Noise เนียนกว่า 13 เล็กน้อย แต่กล้องทั้งสองรุ่นเพิ่ม Sharpness เยอะมาก ทำเอาภาพกลายเป็นปื้น ๆ เหมือนภาพวาดน้ำมัน ซึ่งถ้าไม่ซูมเข้าไปดูลึก ๆ ก็จะมองว่าภาพคมชัดดี ส่วน 12 และ 11 ภาพออกมาใกล้เคียงกัน แต่ 11 จะภาพออกมัว ๆ มากกว่า แต่สุดท้ายทุกรุ่นก็มีคุณภาพไม่เท่ากล้องหลักของ XS Max เลย





อีกซีนด้วยเลนส์อัลตราไวด์ ฉากนี้มืดมาก ๆ จนมองอะไรเกือบไม่เห็น ทำเอา 12 ที่ปกติปลอยภาพมืดอยู่แล้วทำต้นไม้ตรงกลางกลืนหายไป ส่วนรุ่น 11 กลายเป็นว่าเร่งสีได้ดียังดึงให้เห็นความเขียวของต้นไม้ได้มากกว่ารุ่นอื่นหน่อย พร้อมเห็นกระถางสีส้มอิฐตั้งอยู่ด้วย ถ้าจะพูดถึงการเก็บรายละเอียดคงต้องยกให้ 14 และ 13 ที่เก็บเส้นลายทางเดินได้อยู่บ้าง แต่สุดท้ายแต่ละรุ่นก็ไม่ต่างกันมากขนาดนั้น

สำหรับใครเป็นแฟนแอนดรอยด์ตัวยง เราก็มีเปรียบเทียบกล้องเรือธงไอโฟนและแอนดรอยด์ ที่เทียบทั้ง iPhone 14 Pro Max, Galaxy S22 Ultra, vivo X80 Pro, OPPO Find X5 Pro, Xiaomi 12S Ultra ด้วย อันนั้นจะเห็นความแตกต่างเยอะมาก

ลักษณะเด่นของกล้อง iPhone ทั้ง 5 รุ่น

iPhone 14 Pro Max – กล้องเก่งสุด แต่อาจสวยไม่ถูกใจ

iPhone 14 Pro Max ไอโฟนรุ่นล่าสุดจากปี 2022 ตัวนี้จะเห็นพัฒนาการในทุกด้าน เช่นในเรื่องความคมชัดและการจัดการภาพแสงน้อย แต่จะมีจุดสังเกตเป็นสีสัน ที่รุ่นนี้จะต่างกับ iPhone 13 Pro Max มาก เพราะไม่เน้นเร่งความอิ่มตัวสีและเลือกที่จะคงแสงให้มืดไว้บ้างเพื่อความสมจริง เลยอาจมองได้ว่าสีจืดชืด หรือแสงติดมืด และมีจุดสังเกตอีกด้านเป็นเรื่อง Contrast ที่ปรับมาสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ เลยจะได้ภาพที่ดูแข็งไปหน่อย เป็นที่มาที่ใครหลายคนไม่ค่อยถูกใจเจ้ากล้องในรุ่นนี้กันนัก

iPhone 13 Pro Max – ราชาสีสดใส ขวัญใจมหาชน

เมื่อย้อนกลับไปดูกล้องจากไอโฟนปีที่แล้ว รุ่น iPhone 13 Pro Max มีจุดเด่นในเรื่องสีที่จัดจ้าน พร้อมพยายามเร่งแสงให้สว่างเยอะ ๆ เข้าไว้ พอรวมกันทั้งสองอย่างกลายเป็นว่าภาพหลาย ๆ ช็อตออกมาแล้วดูไม่ค่อยสมจริง แต่จุดนี้ก็อาจกลายเป็นความชอบของใครหลาย ๆ คนได้ หากเป็นคนชอบให้ภาพออกมาสว่างและมีสีสันสดใสเข้าไว้ ถ้าใช้กล้องรุ่นนี้ถ่ายก็จบในกล้อง ไม่ต้องไปแต่งต่อในแอปนอก

iPhone 12 Pro Max – จอมหม่นหมอง

iPhone 12 Pro Max มีกล้องที่ไม่ค่อยชอบชดเชยแสง ยอมปล่อยวัตถุให้แสงดรอปลงไปตามที่เห็นได้ในหลาย ๆ ฉาก แต่จะยังรักษาโทนสีให้เป็นธรรมชาติไว้ได้ ทำให้ยังได้ภาพออกมาเป็นสไตล์ iPhone ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเช่นเดิม โดยรวมแล้วไม่ใช่รุ่นที่มีจุดเด่นหรือจุดด้อยให้สังเกตมากเท่าไร เป็นกล้องที่โอเคมาก ๆ ตัวนึง

iPhone 11 Pro Max – กล้องดินแดนสวรรค์

iPhone 11 Pro Max จากปี 2019 เป็นรุ่นที่เริ่มสร้างความแตกต่างให้กับกล้องไอโฟนด้วยฟีเจอร์ Deep Fusion มาช่วยประมวลผลภาพ เลยอาจเป็นที่มาว่าทำไมกล้องในรุ่นนี้ถึงถ่ายออกมาแล้วได้ภาพที่สีแปลกตาบ้าง และไม่สามารถจัดการกับแสงในที่มืดได้ดีเท่าไหร่ แถมพอเลือกที่จะดันแสงให้สว่างก็จะดึงแสงไปทั่วภาพ เกิดเป็นภาพขาว ๆ ฟ้า ๆ แต่อาการแบบนี้ก็จะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกฉากนะ แต่หากถ่ายภาพในที่สว่างแบบทั่วไป รุ่น iPhone 11 Pro Max ก็ถ่ายออกมาสวยใช้ได้ ไม่แพ้รุ่นอื่นครับ

iPhone XS Max – เก่าแต่ยังเก๋า กล้องไอโฟนสุดคลาสสิก 

iPhone XS Max รุ่นที่เก่าที่สุดของการทดสอบครั้งนี้ ที่มีข้อดีที่สุดเป็นเรื่องสีสัน ที่ไม่ได้ใช้ระบบจัดการสีแบบใหม่อะไรแต่ยังถ่ายได้ดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็จะมีข้อเสียเป็นเรื่องความคมชัดที่ด้อยลงไปมาก ๆ ยิ่งเป็นกล้องหน้าก็จะเห็นความเบลอของภาพเข้าไปใหญ่ นอกจากนี้ยังไม่มีระบบถ่ายภาพตอนกลางคืน ทำให้ภาพออกมามืดและเห็น Noise ได้ชัดเจน หรือหากถ่ายที่ความต่างแสงสูงก็จะไม่ปรับระดับเงาให้เห็นรายละเอียดมากขึ้นได้แต่อย่างใด

สรุป

กล้อง iPhone 14 Pro Max,  13 Pro Max, 12 Pro Max, 11 Pro Max, และ XS Max เวลาถ่ายในฉากปกติ มีแสงสว่าง ก็จะสังเกตเห็นข้อแตกต่างได้ไม่มาก แต่เมื่อลองทดสอบสถานการณ์ยาก ๆ เช่นภาพย้อนแสง ภาพถ่ายในที่มืด ก็จะเริ่มเห็นข้อเด่นข้อด้อยของแต่ละรุ่น ยิ่งเป็นรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้นเท่าไร ก็จะสามารถรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น

สุดท้ายหากใครสนใจเลือกซื้อไอโฟนที่กล้อง ก็เลือกดูว่าเราชอบสไตล์สีสันแบบไหน แล้วอยากถ่ายในฉากแบบไหนบ้าง เพื่อดูว่ากล้องตัวไหนเหมาะ แต่ถ้าอยากได้กล้องที่มีความสามารถหลากหลายรองรับได้ทุกสถานการณ์ มือถือรุ่นใหม่ ๆ อย่าง iPhone 14 Pro Max และ 13 Pro Max ก็น่าจะเป็นตัวที่ตอบโจทย์ได้ดีไม่แพ้กันครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า