5 บทเพลงฮิตไร้กาลเวลาจาก ‘Burt Bacharach’ ชายผู้อยู่เบื้องหลังบทเพลงป๊อปยอดนิยมตลอดกาล

เบิร์ต แบแคแร็ก (Burt Bacharach) นักแต่งเพลงป๊อปยอดนิยมตลอดกาลผู้สร้างสรรค์ผลงานอันน่าประทับใจมาตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมาได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 94 ปี

เชื่อได้เลยว่าทุกคนต้องเคยฟังเพลงของแบแคแร็กอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต เบิร์ต แบแคแร็กเป็นนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์และนักเปียโนระดับตำนาน ผู้ซึ่งได้ทิ้งร่องรอยอันไม่มีวันเลือนลบไว้ในโลกของดนตรีป๊อป ด้วยอาชีพที่สั่งสมมาหลายสิบปีเบิร์ตได้เขียนและโปรดิวซ์เพลงฮิตคลาสสิกหลายร้อยเพลงที่ครองใจและจินตนาการของแฟนเพลงทั่วโลก ดนตรีของเขาโดดเด่นด้วยท่วงทำนองที่เรียบง่ายติดหู มีเมโลดี้ที่จดจำและร้องตามได้ตั้งแต่ประโยคแรก การเรียบเรียงที่สดใหม่ และเนื้อเพลงที่น่าประทับใจและน่าจดจำ เขาได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในดนตรีป๊อป จากการทำงานในช่วงแรกของเขาในฐานะนักแต่งเพลงสำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์ ไปจนถึงการร่วมงานกับนักร้องเช่น ดิออน วอร์วิค (Dionne Warwick) นักร้องคู่บุญของแบแคแร็ก

เพลงของเบิร์ต แบแคแร็กยังคงได้รับการยกย่องเชิดชูและสร้างความเพลิดเพลินใจให้กับแฟนเพลงรุ่นต่อรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการประสานเสียงอันไพเราะของเพลง “Close to You” เพลงที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของเพลง “Walk on By” หรือความงามในอารมณ์หวานขมของเพลง “Alfie” หรือบทเพลงยอดนิยมตลอดกาลอย่าง “Raindrops Keep Fallin’ on My Head” ดนตรีของเบิร์ตนั้นไร้กาลเวลา ถ่ายทอดเรื่องราวในความหมายของการเป็นมนุษย์ ส่งต่อความหวังและแรงบันดาลใจไปยังผู้ฟังทั่วโลก

และต่อไปนี้คือ 5 บทเพลงป๊อปยอดนิยมตลอดกาลที่เราคัดสรรมาเพื่อระลึกถึงความงดงามในบทเพลงของเบิร์ต แบแคแร็กผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแต่งเพลงที่ดีที่สุดในโลก

เบิร์ต แบแคแร็ก (Burt Bacharach)

“(They Long to Be) Close To You”

“(They Long to Be) Close to You”  หรือ “Close To You” บทเพลงคลาสสิกที่เขียนโดย เบิร์ต แบแคแร็ก และ ฮาล เดวิด (Hal David) เวอร์ชันที่รู้จักกันดีคือเวอร์ชันของคู่ดูโอพี่น้อง The Carpenters สำหรับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 Close to You (1970) บทเพลงนี้เป็นหนึ่งในบทเพลงยอดนิยมของ The Carpenters และถือเป็นหนึ่งในเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา

“Close To You” มีโครงสร้างคอร์ดที่ซับซ้อนแต่กลับฟังง่ายรื่นหูและมีท่วงทำนองที่อบอุ่น งดงาม น่าจดจำอันเป็นเอกลักษณ์ของเบิร์ต แบแคแร็ก เนื้อเพลงแสดงออกถึงความรู้สึกสบายใจและปลอดภัยเมื่อได้ใกล้ชิดกับคนที่รัก บทเพลงนี้เป็นเพลงคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่แสดงความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีของเบิร์ต แบแคแร็ก และสไตล์การร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของคาเรน คาร์เพนเตอร์ (Karen Carpenter) ความนิยมที่ยาวนานเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพในฐานะบทเพลงที่มีความสามารถในการสัมผัสหัวใจของผู้คนและกระตุ้นอารมณ์อันทรงพลัง

What the World Needs Now Is Love”

เป็นเพลงยอดนิยมในปี 1965 แต่งเนื้อร้องโดยฮาล เดวิดและดนตรีโดยแบแคแร็ก แบแคแร็กได้เปิดเผยในอัตชีวประวัติของเขาในปี 2014 ว่าเพลงนี้เป็นหนึ่งในเนื้อเพลงที่แต่งยากที่สุดเท่าที่ฮาล เดวิดเคยเขียนมา แม้ว่ามันจะเป็นเพลงป๊อปฮิตที่เรียบง่ายก็ตาม แบแคแร็กอธิบายว่าทำนองหลักและท่อนคอรัสเขียนขึ้นในปี 1962 โดยใช้จังหวะวอลทซ์ และต้องใช้เวลาอีก 2 ปีกว่าที่เดวิดจะคิดเนื้อเพลงขึ้นมาได้ในท่อน “Lord, we don’t need another mountain.” เป็นท่อนแรก จากนั้นเดวิดก็แต่งท่อนอื่น ๆ ได้ตามมา แบแคแร็กก็เลยพูดว่าที่จริงแล้วเพลงนี้ ‘แต่งตัวมันเอง’ และในที่สุดพวกเขาก็แต่งเสร็จภายใน 1-2 วัน

“What the World Needs Now is Love” เป็นเพลงบัลลาดที่แสดงออกถึงความปรารถนาในสันติภาพและความรักในโลกในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ความสำเร็จของเพลงนี้ทำให้นักแต่งเพลงทั้งสองประหลาดใจ เนื่องจากพวกเขาก็กังวลและรับรู้ถึงความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันในหมู่ชาวอเมริกันเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเพลงของเดวิด  เพลงนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของดิออน วอร์วิคและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในเพลงป๊อปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เป็นบทเพลงแห่งความหวังและความสามัคคีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังและยังคงก้องกังวานจากอดีตมาจนถึงในปัจจุบัน

“Raindrops Keep Fallin’ on My Head”

บทเพลงนี้มีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจทั้งเป็นบทเพลงประกอบภาพยนตร์ฮิตในปี 1969 ‘Butch Cassidy and the Sundance Kid‘ และเป็นเพลงฮิตประจำตัวของบี.เจ.โทมัส (B.J.Thomas) ซึ่งจริง ๆ แล้วเพลงนี้ไม่ได้แต่งเพื่อให้เขาร้องและมันเกือบจะกลายเป็นเพลงฮิตของ บ๊อบ ดีแลน (Bob Dylan) ที่เผลอ ๆ ถ้าดีแลนร้องอาจจะดังกว่า “Blowin’ in The Wind” ก็เป็นได้ นอกจากนี้ความหมายของเพลงนี้ยังไม่ได้เกี่ยวกับฝนเหมือนที่หลายคนเข้าใจอีก

“Raindrops Keep Fallin’ on My Head” เกิดขึ้นจากรูปแบบการทำงานที่ต่างออกไปจากเพลงก่อน ๆ  ของแบแคแร็กและเดวิด เพราะโดยปกติแล้วสองคู่หูนักแต่งเพลงจะแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน แบแคแร็กแต่งทำนองส่วนเดวิดเขียนเนื้อร้อง แต่คราวนี้ประกายไอเดียนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อแบแคแร็กปิ๊งชื่อเพลงขึ้นมาได้และใช้มันเป็นท่อนเปิดของเพลงและเริ่มแต่งต่อมาจากจุดนี้ ส่วนทำนองนั้นตอนแรกแบแคแร็กตั้งใจแต่งให้เข้ากับทางของบ็อบ ดีแลน แต่พอดีแลนปฏิเสธ แบแคแร็กเลยพยายามหานักร้องคนอื่นจนมาจบลงที่บี.เจ.โทมัส แบแคแร็กคุมร้องอย่างเข้มและเป๊ะ แต่โทมัสก็ลองขอว่าตัวเองจะใส่อะไรเพิ่มเติมลงไปในเพลงนี้ได้ไหม ซึ่งแบแคแร็กก็บอกว่า “บี.เจ.หลังจากที่คุณร้องเพลงของผมได้เป๊ะตามที่ผมเขียนไว้แล้ว ถ้ามันยังมีที่ว่างอะไรให้คุณเติมหรือทำอะไรได้คุณก็ทำมันได้เลยนะ” ดังนั้นมันก็เลยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจนกระทั่งท่อนที่ร้องว่า Meeeee ยาว ๆ ในช่วงท้ายนั่นแหละที่บี.เจ.ได้ใส่อะไรลงไป ซึ่งเป็นอะไรที่เล็กน้อย แต่การร้องของ บี.เจ.โทมัส ก็ได้ทำให้เพลงนี้มีชีวิตชีวามาก ๆ และทำให้บทเพลงนี้กลายเป็นลายเซ็นของเขาไปเลย

บทเพลงนี้นอกจากจะมีท่วงทำนองที่น่ารักพาใจสดใสแล้ว ยังมีความหมายลึกซึ้งเปรียบเปรยช่วงเวลาฝนตกจนเปียกปอนกับช่วงเวลาที่พบกับความทุกข์ใจ ในเวลาที่ฝนตกหากเรามัวแต่โทษฟ้าโทษฝนก่นด่าดวงอาทิตย์มันก็คงจะไม่ช่วยอะไร เช่นเดียวกันกับเวลาที่เราทุกข์ใจ หากมัวเอาแต่ร้องไห้เสียใจหรือโทษสิ่งอื่นอยู่ร่ำไป ก็ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาหมดไปได้ ทางที่ดีเราควรจะปล่อยจิตใจให้สบาย เรียนรู้และลื่นไหลไปกับสถานการณ์ที่เจอแล้วเราจะพบว่าใจที่เป็นอิสระนั้นทำให้ปัญหาทั้งหลายไม่สามารถกร้ำกรายเข้ามาทำร้ายจิตใจเราได้เลย

“Raindrops Keep Fallin’ on My Head” ได้รับรางวัล Best Original Song จากเวทีออสการ์ในปี 1970 และหลังจากนั้นไม่กี่ปีบทเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงฮิตเพลงฮ็อตอมตะตลอดกาลที่เราได้ยินอยู่ตลอดทั้งประกอบรายการโทรทัศน์ โฆษณาและภาพยนตร์มากมาย

“Alfie”

เพลงนี้แต่งโดยแบแคแร็กและเดวิด บันทึกเสียงครั้งแรกโดย ซิลลา แบล็ก (Cilla Black) ในปี 1966 เป็นเพลงที่ใช้เพื่อการโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง ‘Alfie’ (1966) เป็นหนึ่งในเพลงที่เป็นที่รู้จักและคงอยู่ยาวนานที่สุดของแบแคแร็กและเดวิด และได้รับการคัฟเวอร์โดยศิลปินหลากหลายประเภทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงดิออน วอร์วิคและกลายเป็นเพลงฮิตของเธอในปี 1967 เพลงนี้เกี่ยวกับชายชื่อ ‘Alfie’ และปรัชญาในชีวิต ความรัก และความสัมพันธ์ของเขา

‘Alfie’ เป็นเพลย์บอยที่เชื่อในการมีความสุขกับชีวิตอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามเมื่อเพลงดำเนินไป เขาเริ่มตระหนักว่าการดำรงอยู่อย่างตื้นเขินของเขาอาจไม่นำพาให้พบกับความสมหวังในท้ายที่สุด เนื้อเพลงสำรวจแนวคิดในการค้นหาความหมายและจุดมุ่งหมายในชีวิต ตลอดจนการค้นหาความรักและมิตรภาพ

“Alfie” เป็นเพลงฮิตที่สำคัญสำหรับดิออน วอร์วิค ขึ้นถึง 10 อันดับแรกในชาร์ตเพลงป๊อปและกลายเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของเธอ ได้รับการยกย่องจากท่วงทำนองที่ติดหูและเนื้อเพลงที่ไพเราะ และยังคงเป็นเพลงยอดนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ เพลงนี้ได้รับการคัฟเวอร์โดยศิลปินอื่น ๆ มากมาย รวมถึง Cher และ Lily Allen และได้ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์มากมาย “Alfie” ยังคงเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเป็นอัจฉริยะของเบิร์ต แบแคแร็กในฐานะนักแต่งเพลงและความสามารถของเขาในการสร้างสรรค์เพลงอมตะที่พูดถึงประสบการณ์ของมนุษย์

“Walk on By”

อีกหนึ่งบทเพลงฮิตที่แต่งโดยแบแคแร็กและเดวิด บันทึกเสียงครั้งแรกโดยดิออน วอร์วิค ในปี 1964 และกลายเป็นเพลงฮิตของวอร์วิค ขึ้นถึงอันดับ 6 ในชาร์ตเพลงป๊อปของสหรัฐ ฯ และกลายเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของเธอ “Walk on By” ถือเป็นหนึ่งในมาตรฐานเพลงป๊อปคลาสสิกของทศวรรษที่ 1960 และได้รับการร้องโดยศิลปินมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เพลงนี้เป็นเพลงบัลลาดจังหวะกลาง ๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกคนรักทิ้งไป และเธอพยายามที่จะใช้ชีวิตต่อไป เนื้อเพลงบรรยายถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวและความปวดร้าวใจของผู้หญิง ขณะที่เธอเดินผ่านสถานที่ที่เคยเก็บความทรงจำของเธอและคนรัก แม้จะมีความเศร้าในเนื้อเพลง แต่เมโลดี้ของเพลงก็ยังเป็นจังหวะที่สดใสและเปี่ยมด้วยความหวัง พร้อมด้วยจังหวะสวิงที่สดใสซึ่งให้พลังงานด้านบวกแก่เพลงนี้

“Walk on By” ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสไตล์การแต่งเพลงของแบแคแร็กและเดวิด เมโลดี้ที่ไพเราะหวานหูแต่มีลูกเล่นลีลาที่น่าสนใจและการเล่นคอร์ดที่ชาญฉลาด บวกกับเนื้อเพลงที่น่าจดจำ ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงคลาสสิกเหนือกาลเวลา ปัจจุบัน “Walk on By” ยังคงเป็นหนึ่งในผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมและยืนยงที่สุดของแบแคแร็กและยังคงได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในเพลงป๊อปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

และนี่ก็คือบทเพลงอันงดงามของแบแคแร็ก ที่ทำให้เรารู้สึกขอบคุณสำหรับช่วงเวลามหัศจรรย์ที่เขามอบให้เราผ่านทางท่วงทำนองของเขา ดนตรีของแบแคแร็กมีความมหัศจรรย์ในการจับอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดและความทรงจำในช่วงเวลาและสถานการณ์ต่าง ๆ ของชีวิตอันมีร่วมกันในความเป็นมนุษย์ของเรา ด้วยเหตุนี้ดนตรีของเขาจะยังคงเป็นบทเพลงประกอบชีวิตของผู้ฟังทุกยุคทุกสมัย เตือนใจและกล่อมเกลาเราให้เข้าถึงความงามและพลังแห่งความรัก ความหวัง ความรู้สึกเชื่อมโยงถึงกันและกัน และความงดงามของความสัมพันธ์ตลอดไป

R.I.P ‘Burt Bacharach’ 1928-2023

The post <strong>5 บทเพลงฮิตไร้กาลเวลาจาก ‘Burt Bacharach’ ชายผู้อยู่เบื้องหลังบทเพลงป๊อปยอดนิยมตลอดกาล</strong> appeared first on #beartai.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า