มือถือราคา 1,000 – 40,000 กว่าบาท แตกต่างกันอย่างไร มีความจำเป็นแค่ไหน จ่ายแพงแล้วได้อะไรเพิ่ม

โทรศัพท์มือถือราคาถูก ราคาแพง มีมากมายหลายระดับ ตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อย จนถึงหลายหมื่น แต่ที่สำคัญคือความแตกต่างระหว่างมือถือแต่ละราคา ที่เป็นตัวตัดสินว่าจริง ๆ แล้วเรามีความจำเป็นมากแค่ไหนที่ต้องจ่ายเงินซื้อโทรศัพท์ราคาแพง ๆ ในเมื่อมือถือราคาถูกก็ลงแอป ใช้โทรเข้าออกได้เหมือนกัน บทความนี้เราจึงอยากแนะนำความแตกต่างของมือถือแค่ละระดับราคา เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจครับ

มือถือราคาไม่เกิน 1,000 บาท

มือถือราคาไม่เกิน 1000 บาท ไม่ค่อยเหมาะนำมาใช้งาน จะมีข้อจำกัดด้านสเปคหลายด้าน มีหน่วยความจำน้อยทั้ง RAM และ ROM ทำให้ใช้งานแอปได้ไม่ลื่นไหล ติดตั้งแอปเพิ่มเติมไม่ค่อยได้ และมีชิปประมวลผลเก่าทำให้เครื่องช้า มือถือในระดับราคานี้เหมาะสมกับการใช้โทรเข้าออก แชทส่งข้อความ เพื่อการสื่อสารทั่วไปเป็นหลัก

แต่ส่วนมากจะเป็นมือถือไม่มียี่ห้อ อาจวางขายตามร้านออนไลน์ มักไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย หรือการลงทะเบียนอุปกรณ์ที่ถูกต้อง ถึงใช้งานได้แต่ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ที่ในเครื่องจะไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ ใช้ระบบแอนดรอยด์เวอร์ชันเก่า ทำให้เสี่ยงถูกโจมตีทางคอมพิวเตอร์ได้ ไม่ควรใช้ทำธุรกรรมทางการเงิน ลงแอปธนาคาร

แต่หากเจอเครื่องที่เครือข่ายนำมาวางขายพ่วงกับซิม เป็นสินค้าโปรโมชัน ก็จะมีความปลอดภัยขึ้นมาเนื่องจากผ่านการรับรองโดยหน่วยงานในไทย จะมีข้อจำกัดแค่ด้านสเปคที่กล่าวมาเท่านั้น

White cell phone box on the background

มือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท

มือถือราคา 3000 บาท เป็นราคาเริ่มต้นสำหรับคนที่ต้องการมือถือมียี่ห้อ และมีความปลอดภัยขึ้นมา โดยเน้นใช้งานพื้นฐาน โทรเข้าออก ติดต่อสื่อสาร จะได้สเปคที่โอเคมากขึ้น อย่างแบตเตอรี่ 3000 – 4000mAh ใช้งานได้นานขึ้น และหน่วยความจำ RAM 3 – 4GB ROM 64GB เพียงพอสำหรับแอปพื้นฐานในเครื่อง และแอปเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย จะมีข้อจำกัดที่ติดอยู่พอสมควรเป็นชิปประมวลผล ที่ใช้รุ่นเก่า ตัวที่ไม่แรงเท่าไหร่

ในราคาระดับนี้ จะพอมียี่ห้อที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน อย่าง Nokia Redmi TECNO Infinix และ TCL ให้เห็นกันอยู่บ้าง

และเนื่องจากเป็นมือถือราคาถูก ส่วนมากจะไม่ได้การอัปเดตเวอร์ชัน Android หากมีก็ไม่เกิน 2 ปี ทำให้อายุการใช้งานมีระยะสั้นไปด้วย

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

สำหรับมือถือช่วงราคา 5000 บาท จะเริ่มได้สเปคที่โอเคกับการใช้งานแบบพื้นฐาน ได้หน้าจอใหญ่ไว้ใช้ดูเนื้อหา อ่านตัวหนังสือได้ง่ายขึ้น มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ที่ใช้งานได้ครบวัน และอาจได้ระบบชาร์จไวด้วย ความจุเริ่มเห็นเป็น RAM 6/8GB ROM 128/256GB ที่เยอะเพียงพอกับการใช้งานในปัจจุบัน

ชิปเซ็ตก็เป็นรุ่นที่แรงพอกับการใช้แอปทั่วไป สามารถเล่นเกมโดยปรับภาพกราฟิกต่ำได้ เปิดแอปแชท เล่นแอปโซเชียล ดูคลิปวิดีโอได้ไม่มีปัญหา

Businesspeople sitting together in office over working desk with colorful graph and charts pater, hold smartphones in different model with blank screens. Taken from top view angle.

มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท

มือถือช่วงราคา 5,000 – 10,000 บาท จะเป็นช่วงที่เรียกว่าเป็นมือถือที่คุ้มค่า สเปคโดยรวมถือว่าดี ครอบคลุมการใช้งานหลากหลาย แต่จะไม่ได้มือถือที่มีความสามารถเก่งรอบด้าน ส่วนมากแต่ละรุ่นจะหาจุดเด่น ความพิเศษเฉพาะทาง มาเน้นชูเป็นจุดขาย เช่น ถ่ายรูปสวย หรือใช้เล่นเกมได้ดี แต่จะยังไม่มีรุ่นที่สเปคดีครบทุกด้าน

มือถือกลุ่มนี้มักรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ Android ประมาณ 3 เวอร์ชัน ทำให้ซื้อมาแล้วใช้งานได้ไประยะนึงก็ใกล้ถึงช่วงที่ต้องซื้อเครื่องใหม่ หากต้องการได้ Android เวอร์ชันใหม่ และจะต้องรอนานพอสมควรกว่าจะได้คิวอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่

มือถือราคาไม่เกิน 20,000 บาท

ขยับมาเป็นมือถือราคาไม่เกิน 20,000 บาท จะเจอมือถือระดับกลางบน ที่ส่วนมากจะชูจุดขายเรื่องการถ่ายภาพสวย จะมีการนำระบบกล้อง ฟีเจอร์ถ่ายภาพบางอย่าง ที่มีเหมือนในมือถือเรือธง ใส่มาให้ด้วย และในราคาระดับนี้ จะใช้ชิปเซ็ตระดับพรีเมี่ยมรุ่นใหม่ ประสิทธิภาพและความแรงสูง สามารถเล่นเกมปรับกราฟิกสูงได้สบาย

แต่ในราคานี้จะมีข้อจำกัดด้านสเปคบางอย่าง เช่น ลำโพงมีตัวเดียว/เสียงไม่ดี ใช้พอร์ตเชื่อมต่อที่ช้า กล้องไม่ได้สวยทุกตัว/มีระยะการถ่ายไม่ครบทุกระยะ เพื่อเป็นเทคนิคการบีบให้คนอยากอัปเกรดขึ้นไปซื้อตัวที่แพงกว่า

แต่หากต้องการมือถือระดับที่ใช้งานได้ลื่น ๆ ไม่มีติดขัด เอาไว้ทำงาน ใช้เป็นเครื่องหลัก ถ้าซื้อในราคานี้ก็จะได้สเปคครบถ้วนคุ้มค่าแล้ว

มือถือราคา 30,000 – 40,000 บาทขึ้นไป

มือถือระดับราคา 30,000 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องงบ และต้องการใช้มือถือที่ดีที่สุด ครบทุกด้าน จะอยู่ในระดับของมือถือเรือธง มือถือไฮเอนด์ ที่จะมีการนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดใส่เข้ามา ส่วนมากจะเน้นด้านกล้องถ่ายภาพและวิดีโอ หรือล่าสุดก็เป็นระบบ AI โดยสเปคทุกอย่างจะจัดเต็ม ทั้งหน้าจอ แบตเตอรี่ ชิปเซ็ต กล้อง และอื่น ๆ

มือถือ Android ระดับเรือธงจะได้การอัปเดตซอฟต์แวร์นานที่สุด อย่างของ Samsung และ Google จะอัปเดตให้ 7 รุ่น ค่ายอื่นก็อยู่ที่ 4-5 ปี ทำให้รองรับการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น นอกจากนี้จะได้เป็นมือถือกลุ่มแรกที่ได้อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดด้วย

เห็นได้ว่ามือถือที่ตั้งมาในช่วงราคาต่าง ๆ สามารถนำมาตอบโจทย์การใช้งานได้แตกต่างกัน แต่สำหรับการใช้งานง่าย ๆ ทั่วไป แนะนำเลือกมือถือระดับราคาประมาณ 5,000 บาท ก็จะได้สเปคที่ใช้งานได้ครบ ๆ แบบไม่ติดขัดอะไรมากแล้วครับ

You may have missed

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า